ปลดล็อกที่ดินรอบสวนเบญฯ รับแผนพัฒนาที่รร.เตรียมทหาร
แลนด์ลอร์ดลุ้น กทม.จ่อปลดล็อกข้อบัญญัติความสูงอาคารรอบสวนเบญจกิติ ปรับแผนผุดโครงการรับ
แลนด์ลอร์ดลุ้น กทม.จ่อปลดล็อกข้อบัญญัติความสูงอาคารรอบสวนเบญจกิติ ปรับแผนผุดโครงการรับ
กรุงเทพมหานคร (กทม.) อยู่ระหว่างการแก้ไขข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภทในบริเวณสวนเบญจกิติและพื้นที่โดยรอบ โดยจะผ่อนปรนให้พื้นที่โดยรอบสามารถสร้างอาคารที่สูงเกิน 45 เมตรได้ ส่วนหนึ่งเพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่บริเวณใจกลางเมือง
แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การปลดล็อกข้อบัญญัติ กทม.จะทำให้พื้นที่บริเวณโดยรอบสวนเบญจกิติ เช่น พื้นที่บริเวณชุมชนบ่อนไก่ โรงเรียนเตรียมทหาร พื้นที่บริเวณริมถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกอโศกจนถึงพระราม 4 หรือบริเวณชุมชนไผ่สิงโต บริเวณด้านเหนือและด้านใต้ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไม่ถูกจำกัดความสูงอาคารที่ 45 เมตร ยกเว้นบริเวณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์และโรงงานยาสูบ ที่ยังคงควบคุมความสูง 23 เมตรเช่นเดิม ซึ่งจะส่งผลบวกต่อที่ดินโดยรอบบริเวณนี้มาก
ทั้งนี้ พื้นที่บริเวณดังกล่าวที่เคยถูกควบคุมความสูงของอาคารไม่เกิน 45 เมตร จะสามารถสร้างอาคารสูงได้โดยพัฒนาอยู่ใต้กฎหมายผังเมืองของที่ดินแปลงนั้นๆ เช่น ที่ดินโรงเรียนเตรียมทหารเก่าซึ่งกลุ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ชนะการประมูลไปได้นั้น อยู่บนที่ดินพาณิชยกรรม พ.3 มีสัดส่วนพื้นที่อาคารต่อพื้นที่ดิน หรือเอฟเออาร์ 7 เท่า จะสามารถพัฒนาพื้นที่อาคารได้ 7 เท่าของขนาดที่ดิน เป็นต้น
ขณะที่เจ้าของที่ดินรายอื่น เช่น กลุ่มโสภณพนิช กลุ่มเอชเคอาร์ เจ้าของโรงแรมสุโขทัยที่มีที่ดินบริเวณนี้ประมาณ 7 ไร่ ก็มีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสูงระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ราคาขายไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) กลุ่มไซมิส แอสเสท มีแผนพัฒนาที่ดินประมาณ 2 ไร่ ซอยไผ่สิงโตเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลางบน คาดว่าราคาขายเริ่มต้นประมาณ 9 หมื่นบาท/ตร.ม.
ด้านบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือโกลเด้นแลนด์ ซึ่งได้สิทธิในการพัฒนาที่ดิน 8 ไร่บริเวณแยกคลองเตย-พระราม 4 ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อยู่ระหว่างหารือว่าจะมีการเปลี่ยนแผนลงทุนหรือไม่เมื่อไม่มีข้อจำกัดเรื่องความสูงแล้ว โดยการแก้ไขข้อบัญญัติ กทม.ครั้งนี้ คาดว่าจะมีผลต่อราคาที่ดินมีกรรมสิทธิ์ในบริเวณดังกล่าวจากปัจจุบันอยู่ที่ 7-8 แสนบาท/ตารางวา มีแนวโน้มที่จะขยับได้ถึง 8-9 แสนบาท/ตารางวา