‘เรียบหรูทุกตารางนิ้ว’ บ้านสวยของ พลอยจันทร์ วิฑูรชาติ

โดย...วราภรณ์ ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

ด้วยเติบโตมากับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว เวลา พลอยจันทร์ วิฑูรชาติ แต่งงานมีเรือนหอ ก็ต้องพิถีพิถันในการตกแต่งทุกตารางนิ้ว เพราะค่าที่จบปริญญาตรีด้านการออกแบบตกแต่งภายใน จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และปริญญาโทสาขาการออกแบบและเทคโนโลยี ที่ Parsons School of Desing นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเธอทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองและสามีทำโครงการคอนโดมิเนียม D65 เป็นโปรเจกต์แรก D25 เป็นโปรเจกต์สอง และกำลังพัฒนาที่ดินย่านพหลโยธินซอย 8 อีก 1 โปรเจกต์ และล่าสุดกับประสบการณ์การเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ มัณฑนากรมามากกว่า 12 ปีในแวดวงออกแบบ สถาปัตยกรรมและอสังหาริมทรัพย์ จึงทำแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านภายใต้แบรนด์ “รอเจอร์ แอนด์ เบลล์” ร้านตั้งอยู่ที่มาร์เก็ต เพลส ทองหล่อ ซอย 4 โดยเธอรั้งตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ เปิดมาได้ 7 เดือน ฟีดแบ็กดีมาก เพราะร้านตกแต่งน่ารัก โดยพลอยจันทร์ออกแบบตกแต่งเองทั้งหมด

ที่คอนโดมิเนียม D65 นี่เอง ที่พลอยจันทร์และสามีเลือกห้องบนคอนโดชั้น 8 ให้เป็นเรือนหอที่คอนเนกกันระหว่าง 3 ห้อง จนมีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยเธอและสามีทำหน้าที่ออกแบบลงลึกในรายละเอียดของการตกแต่งคอนโดมิเนียมหรูแห่งนี้อย่างลงตัว โดยนำเสนอไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวเองและสามีเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งในร้านเน้นความโคซี่และใช้ได้ทุกช่วงเวลา ยิ่งกำลังออกเฟอร์นิเจอร์คอลเลกชั่นใหม่ คือ “เรนนิ่ง” ที่เน้นสีสันโทนสดใส ลูกค้ายิ่งชอบ

“พอดีสามีมีที่ในซอยสุขุมวิท 65 เราจึงพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใจกลางเมืองก็จริง แต่หลบเข้ามาในซอยหน่อย จึงมีความสงบและร่มรื่น ช่วง 5 ปีที่แล้วที่เราแต่งงานเป็นช่วงเริ่มโครงการพอดี เราจึงคิดว่าทำเรือนหอที่โครงการแล้วกัน เพราะสามีก็คุ้นเคยอยู่กับย่านสุขุมวิท การทำธุรกิจทั้งสร้างคอนโดมิเนียมและเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์เป็นงานที่พลอยทำแล้วมีความสุขมาก” โดยแนวคิดในการตกแต่งเรือนหอทั้งหมด ทั้งคู่ได้จากการท่องเที่ยว สถานที่และประเทศสุดโปรดก็คือ ฝรั่งเศสตอนใต้ บ้านของพวกเขาจึงมีกลิ่นอายของธรรมชาติค่อนข้างสูง

“บ้านของเรามีกลิ่นอายสไตล์โมเดิร์นคันทรี่ หากเราแต่งให้เป็นคันทรี่จ๋าก็จะดูเยอะไป เราจึงทำให้ซอฟต์ลงนิดหน่อย ด้วยการใช้วัสดุให้นิ่งขึ้น เช่น ผนังไม้ พื้นไม้สนสวีเดน โดยไม้เรานำเข้าทั้งหมด เสน่ห์ของสนสวีเดนคือมีตาไม้มากที่สุด ก็จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับบ้านของเราดูมีอะไร เราชอบท่องเที่ยว ชอบธรรมชาติ”

จุดเด่นของห้องนี้ คือ การให้แสงที่เปลี่ยนได้หลายบรรยากาศ เช่น กลับบ้านมาเปิดไฟสลัวๆ วอล์มไลต์ที่ห้องนั่งเล่น เพื่อให้ความรู้สึกรีแลกซ์ และไม่มีแสงไฟส่องตรงเพื่อไม่ให้ระคายตา อยู่แล้วรู้สึกสบาย ไฟสีปรับเปลี่ยนตอนมีงานปาร์ตี้ โดยโจทย์สำคัญของการทำบ้าน คือ เน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก เช่น ห้องกินข้าวกับห้องนั่งเล่นต้องเปิดโล่งถึงกัน ฝาผนังห้องส่วนใหญ่ทำเป็นตู้เพื่อไว้เก็บของจะได้ไม่ดูรกตา เรียกว่าฟังก์ชั่นต้องมาก่อน

“ห้องนี้เราใช้เฟอร์นิเจอร์แบบบิวต์อินเพื่อประหยัดพื้นที่ระโยชน์ใช้สอยมากที่สุด ห้องกินข้าวกับห้องนั่งเล่นต้องเปิดโล่งถึงกันหมด ของต้องมีที่เก็บเยอะๆ การตกแต่งเน้นความเรียบ”

สำหรับการจัดวางห้องเพนต์เฮาส์เปิดเข้ามาจะพบกับห้องรับแขกที่สามารถใช้นั่งเล่นได้ มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นโดดเด่น คือ โซฟาหนังสีน้ำตาลอ่อนดูอบอุ่นและทนทาน ถัดมาเป็นโต๊ะรับประทานอาหารทำจากไม้โอ๊ก พลอยจันทร์เลือกโต๊ะตัวใหญ่เพราะเพื่อนเยอะ ห้องครัวอยู่ด้านซ้ายตกแต่งโดยใช้หินแกรนิตสีดำดูเคร่งขรึมตามสไตล์สามีเพราะสามีชอบเข้าครัวทำอาหารมากๆ

ถัดเข้าไปห้องด้านในเป็นห้องนั่งเล่น มีเก้าอี้นั่งกองกับพื้น ตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์โทนสีสบายๆ คือ สีดำและขาว ปูพรมที่ไว้นอนกลิ้งได้ อีกทั้งยังมีระเบียงห้องที่ทำจากไม้ ทุกพื้นที่เป็นไม้ทั้งหมดเพราะทั้งคู่รักเสน่ห์ของไม้มากๆ

“ช่วงเย็นๆ หากกลับบ้านเร็วเราชอบมานั่งจิบไวน์ จุดเทียน จะรู้สึกชิลมากๆ ในห้องนั่งเล่นเรามีตู้ใช้วางรูป ไม่อยากเจาะไม้ ตู้หนังสือก็ทำจากไม้ ถัดไปด้านในเป็นห้องทำงานและห้องพระ บ้านเราเน้นบรรยากาศค่ะ ออกแบบบ้านต้องชิลต้องอยู่ในบ้านแล้วทำให้เราลืมโลกภายนอกได้ อยู่บ้านต้องรู้สึกรีแลกซ์ที่สุด”

สำหรับห้องนอนตกแต่งโทนสีเรียบตา เช่น สีขาว เพื่อการพักผ่อนที่สบายจริงๆ ห้องนอนตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของเยอะมาก ซึ่งพลอยจันทร์พิถีพิถันเรื่องตู้ ต้องเป็นตู้ของแจสซิก้า อิตาลีเท่านั้น เพราะดีไซน์เรียบแต่เก๋ อีกทั้งฝีมือในการทำยังประณีตอีกด้วย

“ห้องนี้ตกแต่งโทนสีขาว ดำ ฝาผนังที่วางทีวีใช้กระเบื้องลายหิน ชั้นวางของเป็นไม้ ทั้งโทนสีและวัสดุจะให้อารมณ์ของความเงียบสงบค่ะ”