posttoday

แสนสิริเร่งเครื่องเปิดตลาดภูธร

09 มกราคม 2556

แสนสิริ ทุ่ม 2.4 หมื่นล้าน ผุด 45 โครงการ มูลค่า 6 หมื่นล้าน โหมหนักตลาดต่างจังหวัดรับนโยบายกระจายรายได้รัฐ

แสนสิริ ทุ่ม 2.4 หมื่นล้าน ผุด 45 โครงการ มูลค่า 6 หมื่นล้าน โหมหนักตลาดต่างจังหวัดรับนโยบายกระจายรายได้รัฐ

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ กล่าวว่า ในปี 2555 บริษัทมียอดขายรวม 4.2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 2554 ถึงเท่าตัว ส่วนในปี 2556 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 4.8 หมื่นล้านบาท หรือมียอดขายเติบโตขึ้น 14% จากปี 2555 และรับรู้รายได้ประมาณ 3.4-3.6 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดโครงการใหม่ 45 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 13 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ และคอนโดมิเนียม 24 โครงการ มูลค่ารวม 6.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และต่างจังหวัด 30% โดยใช้งบลงทุนรวม 2.4 หมื่นล้านบาท เป็นงบซื้อที่ดินใหม่ 4,000 ล้านบาท และงบก่อสร้างอีก 2 หมื่นล้านบาท

สำหรับในปีนี้บริษัทจะขยายฐานลูกค้าไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น ตามนโยบายการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นของรัฐบาล โดยการขยายการลงทุนเพิ่มเป็น 10 จังหวัด จับตลาดคนท้องถิ่น แต่ก็ไม่ทิ้งตลาดบ้านหลังที่สองของคนกรุงเทพฯ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มจังหวัดที่มีโครงการอยู่แล้ว ได้แก่ หัวหิน พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต กลุ่มจังหวัดที่เริ่มเข้าไปพัฒนาตั้งแต่ต้นปี อาทิ ระยอง อุดรธานี นครราชสีมา มหาสารคาม ชลบุรี ศรีราชา บางแสน หาดใหญ่ และกลุ่มจังหวัดที่ยังไม่เคยเข้าไปพัฒนา แต่มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคตจากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โครงการมอเตอร์เวย์ตัดใหม่ อาทิ พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี ราชบุรี เป็นต้น

นายเศรษฐา กล่าวต่ออีกว่า จะขยายตลาดให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยจะเพิ่มการลงทุนทาวน์เฮาส์ ราคา 1.5 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในทำเลแหล่งงาน เช่น นิคมอุตสาหกรรม บริเวณ จ.ปทุมธานี วงแหวนกาญจนาภิเษก หรือใกล้แหล่งเมืองเก่า เช่น ประชาอุทิศ หรือสำโรง เป็นต้น รวมไปถึงจะเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบสำเร็จรูปหรือพรีคาสต์ให้มากขึ้น โดยในช่วงกลางปีนี้บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะมากขึ้นเพื่อฉีกหนีจากการแข่งขันในตลาดเดิมๆ รวมถึงมองหาตลาดที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ อาทิ แหล่งงาน แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งชุมชนเก่า ตลาดเก่า แหล่งการศึกษา เพื่อฉีกหนีจากการแข่งขันในตลาดเดิมๆ ขณะเดียวกันจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจากเดิมอยู่ที่ 3% เนื่องจากเห็นว่าในอนาคตหากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยมากขึ้น และมั่นใจภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติ