ภาคเอกชนผนึกความพร้อมพลิกโฉมปั้น ภูเก็ต พังงา กระบี่ ดันไทยเป็นศูนย์กลางเวลเนสของโลก
สถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกลุ่มธุรกิจต่างๆ อย่างถ้วนหน้า แต่กลุ่มธุรกิจที่โดนคลื่นซัดลูกใหญ่ในครั้งนี้คงหนีไม่พ้นธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม โดยเฉพาะกลุ่มพื้นที่ภาคใต้จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ เนื่องจากรายได้ของพื้นที่เหล่านี้พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเฉพาะเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งทางภาครัฐและภาคเอกชนต่างให้ความร่วมมือเพื่อหาแนวทางที่จะพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้เติบโตได้ดังเดิม ด้วยการนำร่องการพัฒนา “ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน” เพื่อขับเคลื่อนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันสู่เมืองมหาอำนาจด้านสุขภาพ
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (กรม สบส. สธ.) กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ มีการผลักดันธุรกิจส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Tourism) ธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพร มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จนปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ติด 1 ใน 5 ของโลก มูลค่าตลาดของ Wellness Tourism ของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าในปี 2565 หลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย จะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งกลุ่ม Medical Tourism และ Health and Wellness Tourism มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ครั้ง ดังนั้น การส่งเสริมและขยายการท่องเที่ยวในกลุ่มนี้ เป็นส่วนที่จะสร้างรายได้ที่เสถียรภาพ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ โดยจะเริ่มจาก 3 จังหวัด ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ให้เป็น Smart Health and Wellness City โดยดึงจุดเด่นในการบริการของแต่ละจังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต เป็นศูนย์รักษาพยาบาล และการประชุมนานาชาติ จังหวัดพังงา ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และจังหวัดกระบี่ น้ำพุร้อนเค็มบำบัด ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้กรม สบส. ได้ลงพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด เพื่อประชุมร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาต้นแบบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รองรับการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ทำให้เกิดเป็นเมืองสุขภาพรองรับการเป็น Metaverse (เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง) ในอนาคต (*ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข 11 มีนาคม 2565)
ทางด้าน นายก้าน ประชุมพรรค์ ประธานบริษัท เดอะบีช ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า หลังโควิด-19 โลกเปลี่ยน ภูเก็ตต้องเร่งปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง การท่องเที่ยวแบบเดิมที่ทำมาไม่ตอบโจทย์อีกแล้ว เราจึงมุ่งไปที่การท่องเที่ยวส่งเสริมสุขภาพ มาเที่ยวพักผ่อนแล้วได้สุขภาพที่ดีกลับไปด้วย เกิดความศรัทธา และท้ายสุดคือปัญญา ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ขับเคลื่อนภูเก็ตสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกในยุคใหม่ต่อไป
“บริษัทฯ ได้พัฒนา เดอะบีช พลาซ่า กะตะ ภูเก็ต ให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 15 ไร่เศษ บริเวณหาดกะตะ ต.กะรน พร้อมทั้งได้ร่วมก่อตั้งบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด วิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐนักวิชาการ ตลอดจนภาคประชาสังคม ภายหลังมีการกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาเกาะภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวส่งเสริมสุขภาพ เชื่อมโยงกับหัวเมืองท่องเที่ยวอันดามันในการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนส อันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ซึ่งล่าสุดครม. ได้อนุมัติให้จังหวัดภูเก็ตจัดงาน Specialized Expo 2028 Phuket ผมจึงได้มีโอกาสเสนอให้ “เดอะ บีช พลาซ่า กะตะ ภูเก็ต” ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่อง กะรน เวลเนส แซนด์บ็อกซ์ ในครั้งนี้ด้วย”
นายสมพงศ์ ดาวพิเศษ ประธานบริษัทสตาร์โฮม บีช รีสอร์ท จำกัด ผู้บริหารโรงแรมในจังหวัดพังงาหลายแห่ง เล่าให้ฟังว่า การที่เราจะพัฒนาเมืองเราไม่ได้สามารถเดินคนเดียวได้ ต้องช่วยกันทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเรื่องผังเมือง งบประมาณ การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สำคัญต้องลงมือทำทันที เราจึงจะสามารถพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนส อันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ให้เกิดขึ้นได้จริง
“ตอนนี้โรงแรม La Vela Khaolak ก็ได้นำคอนเซ็ปต์ Sport Tourism มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักเพื่อช่วยผลักดันจังหวัดพังงาให้แข็งแกร่งได้มากกว่าเดิม ความเชื่อเก่าๆ ที่ว่า “พังงาเป็นเมืองคนแก่” กำลังจะถูกลบล้างแล้วแทนที่ด้วยความสดใสของกิจกรรมสุดมันส์และอินเทรนด์ นอกจากจะได้บรรยากาศที่สนุกๆ แล้ว ยังเป็นการสร้างภาพจำใหม่ให้จังหวัดพังงา แล้วต่อยอดไปถึงการทำให้พังงายิ่งใหญ่ แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ อีกด้วย ตอนนี้ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่กำลังพูดถึงเรื่องเวลเนส แต่คนกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันทั่วโลก ขณะนี้ผมคิดว่า ในภาคส่วนของทางราชการก็ดี เอกชนก็ดีต้องมีพร้อมไปด้วยกัน ผมเชื่อว่า ROI ที่ลงไปมันจะฟื้นกลับมาเร็วไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในภาคเอกชนหรือในงบประมาณของรัฐบาลก็จะสามารถพิสูจน์ได้”
ปิดท้ายกันที่ นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท คลองท่อมเฮอริเทจ จำกัด หนึ่งในผู้พัฒนาพื้นที่ในอำเภอคลองท่อม ได้พูดถึงความพร้อมของจังหวัดกระบี่ว่า ที่อำเภอคลองท่อมมีทรัพยากรของประเทศไทย มีสิ่งมหัศจรรย์จากทรัพย์ใต้ดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนั่นคือน้ำพุร้อนเค็ม การใช้น้ำพุร้อนเค็มบนพื้นที่แต่เดิมเป็นวิถีแบบชนบท โดยมีภาครัฐเปิดให้บริการ เป็นความเชื่อปากต่อปากว่าสามารถป้องกันและรักษาโรคได้ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมากถึงปีละกว่า 100,000 คน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ (Klongtom Heritage) บนพื้นที่เกือบ 300 ไร่ เพื่อปักหมุดให้เป็นเมืองแห่งสุขภาพ โดยนอกจากจุดเด่นคือน้ำพุร้อนเค็มที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ กระบี่ยังมีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ทั้งทะเลและภูเขา รวมทั้งผู้คนเป็นมิตร จึงเป็นเมืองที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบอยู่ดีมีสุขได้เป็นอย่างดี
“ในช่วง 3 ปีแรกเรากำลังพัฒนาวางผังโครงการ และแบ่งโซนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนผู้ป่วย โซนคนพึ่งพา โซนคนไม่ต้องพึ่งพา โซนคนวัยเกษียณ หรือโซนคนก่อนเกษียณ เพื่อหากลุ่มผู้ลงทุนที่เขามีความสามารถ และเป็นผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ทางด้านสุขภาพ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกับเรามาช่วยเติมเต็มจิ๊กซอว์ในโซนต่างๆ ให้กลายเป็นเมืองสุขภาพแห่งใหม่ที่มีกิจกรรมรองรับผู้รักสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลก โดยประมาณกลางปี 2565 นี้จะมีการเปิดตัวโรงพยาบาลกายภาพบำบัดเพื่อการฟื้นฟูและบำบัดผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke ด้วยเทคโนโลยีพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์อันทันสมัย โดยทีมแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักแก้ไขการพูด นักจิตวิทยา ร่วมกับองค์ความรู้การแพทย์แผนไทย และการแพทย์แผนจีนมาผสมผสานกับคุณสมบัติอันโดดเด่นของน้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวแรกที่สำคัญของโครงการคลองท่อม เฮอริเทจ (Klongtom Heritage) ผมมองว่าตอนนี้ 3 จังหวัดแกนหลัก ของอันดามันเวลเนส คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เริ่มเกิดขึ้นจริงแล้ว เพื่อให้เกิดเป็นสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ แล้วก็เป็นสามเหลี่ยมเวลเนสขึ้นมา ซึ่งตอนนี้จากความร่วมมือกันทำให้กระบี่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอีกรูปแบบหนึ่ง เราไม่ใด้ขายจุดเด่นเรื่อง SEA SAND SUN อีกต่อไป เราไม่ได้มีแค่ อากาศ อาหาร น้ำ แต่เรามีความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ใครก็ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้” นายวิชัย กล่าวปิดท้าย