กสทช. ปักฐานรากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รับเทคโนโลยี 5G สปีดอนาคตเศรษฐกิจไทย
ดร.ประถมพงศ์ ศรีนวล เศรษฐกรเชี่ยวชาญ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.)
กล่าวในงานเสวนาเรื่อง New Economy New Platform เศรษฐกิจไทย” ว่า กสทช. ในฐานะผู้กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมฯ มองว่า Disruptive Technology เข้ามาส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เห็นได้ชัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากการประมูลใบอนุญาตผู้ประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัล ช่วงปี 2556 ด้วยในช่วงดังกล่าว เอกชนผู้เข้าร่วมประมูลต่างเห็นในทิศทางเดียวกันถึงโอกาสในการสร้างรายได้จากการดำเนินกิจการทีวีดิจิทัล
ทั้งนี้ จาก Disruptive Technology ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2007-2008 จากการเข้ามาของ iPhone ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมสื่อคอนเทนต์เพื่อการรับชมความบันเทิงต่างๆ ทั้ง ดนตรี ภาพยนตร์ จากอุปกรณ์สมาร์ท ดีไวซ์ เพียงเครื่องเดียว สามารถใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ได้ทุกอย่าง
รวมถึงการรับชมผ่านโทรทัศน์ ก็ยังได้รับผลกระทบจากธุรกิจบริการโอทีที (OTT -Over-The-Top ที่ผู้ประกอบการธุรกิจทีวี ยังไม่ได้ตื่นตัวมากนักในการพัฒนาช่องทางใหม่ๆในการนำเสนอคอนเทนต์ สอดคล้องกับผลสำรวจของ เอซี นีลเส็น ระบุว่าความนิยมการรับชมคอนเทนต์ผ่านแพล็ตฟอร์มทีวีลดลง ขณะที่ช่องทางดิจิทัล แพล็ตฟอร์ม เติบโตเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ของไทย เองก็ได้รับผลกระทบเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เทคโนโลยียุค 1จี, 2จี, 3จี, 4จี. และล่าสุด 5 จี ที่ปัจจุบันรูปแบบการสื่อสารทำได้มากกว่ารับชมผ่านโทรทัศน์ คือ การนำเสนอผ่านบรอดคาสติง ไลฟ์
อย่างไรก็ตาม กสทช. ในฐานะผู้กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และ การสื่อสาร เองได้ติดตามในด้านกฎระเบียบการดูแลการดำเนินกิจการ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทย ไปสู่การเปลี่ยนผ่านดิจิทัล (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน) เมื่อเข้าสู่เทคโนโลยี 5 จี หลังจากที่ กสทช.ดำเนินการจัดประมูลคลื่นความถี่ 5 ไปเมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา
ขณะที่ คลื่นความถี่ 5จี มีศักยภาพต่อการนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อีกมาก นอกเหนือจากการใช้งานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมส่วนบุคคลแล้ว แต่ยังสามารถจะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านของดิจิทัล หรือ เทคโนโลยี ประเทศไทย ได้ในอนาคตอีกด้วย
โควิด-19 ตัวเร่งพฤติกรรมดิจิทัล ผู้บริโภคเจนใหม่
ดร.ประถมพงศ์ กล่าวว่าอย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ในส่วนของภาคการสื่อสารโทรคมนาคมนั้น มองว่าในช่วงที่ผ่านมาในกลุ่มกิจการโทรทัศน์ และ วิทยุ ได้รับผลกระทบหรือการถูกดิสรัปท์ มาก่อนหน้านี้ จากการเข้ามาให้บริการของสื่อสังออนไลน์อย่าง ยูทูป หรือ เน็ตฟลิกซ์ เป็นต้น ที่มีการนำเสนอเนื้อหาตอบโจทย์คนดูได้มากกว่าสื่อดั้งเดิม
นอกจากนี้ ยังมองว่า โควิด-19 ถือป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น ในช่วงล็อค ดาวน์ ประเทศ เห็นได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) รายต่างๆ มีการติดตั้งให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้งานแบนด์วิดธ์ อินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคครัวเรือนที่ขยายตัวสูงขึ้น เช่นกัน ส่วน ด้านอุปสรรค จากสถานการณ์ควิด-19 ส่งผลกระทบการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมบางรายการ หรือ บางสถานที่ไม่สามารถเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ได้ เป็นต้น
ขณะที่ในระยะยาว มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นโอกาสในด้านกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมมากกว่า ด้วยทำให้คนไทยมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีต่างๆได้เร็วมากขึ้น เห็นได้ชัดจากกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น อาทิ การสั่งอาหารออนไลน์ การทำธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟน หรือ การใช้บริการอี-เพย์เมนต์ ที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ที่ผลักดันให้เกิดข้อกำหนดห้ามไม่ให้ระบบโครงสร้างพื้นฐาน สื่อสารโทรคมนาคม (Infrastructure) เกิดการล่มแต่อย่างใด ซึ่งในอนาคต ยุคหลังโควิด-19 จะผลักดันให้การทำธุรกรรมต่างๆ อยู่บนออนไลน์ ซึ่งหากใคร Take Actionได้ก่อน มี Speed เร็วกว่า ย่อมได้เปรียบมากกว่า
ภาครัฐ ต้องเร่งสปีดปรับตัวรับยุคผู้บริโภคสุดล้ำ
ดร.ประถมพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของภาครัฐซึ่งถือเป็นผู้กำกับดูแลด้านนโยบายต่างๆ เองก็ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีเพื่อไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงในสังคม จากการนำข้อดีของเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการทำงาน เพื่อรองรับอนาคตที่เป็นยุคของ Advanced User ด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่มีการเรียนรู้ฟังก์ชันด้านเทคโนโลยี ใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี เพื่อเตรียมเข้าสู่โลกของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกสิ่งบนอินเทอร์เน็ต หรือ ไอโอที (IoT) ซึ่งยังต้องยอมรับว่าหน่วยงานภาครัฐ อาจยังปรับตัวไม่เก่งมากนัก ในเรื่องดังกล่าว
สำหรับ กสทช. ที่มีบทบาททั้งในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้านกิจการโทรคมนาคม และการส่งเสริมสนับสนุนงานกิจการด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม มีความพร้อมที่จะมองหากลไกต่างๆที่จะเข้ามาสนับสนุนการลงทุนด้านดิจิทัลในประเทศไทย ทั้งการ Roll Out ด้าน Infrastructure ไปยังสถานที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนลดทางภาษีต่างๆ ไปจนถึงการสนับสนุนสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ด้านภาษี (Non Tax) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุนเทคโนโลยี เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยไปสู่เป้าหมายดิจิทัล (Go Digital) ที่ควรจะเป็นภาระกิจลำดับแรกในการผลักดัน