สมาคมการประปาฯ จัดประชุมใหญ่ ปี 2563 เตรียมพร้อมสาธารณูปโภคด้านน้ำ รองรับเทคโนโลยีดิจิทัลในยุค New Normal
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม Convention Center ชั้น 4 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ
ดร. ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาวิชาการและการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 สมาคมการประปาแห่งประเทศไทย (สปปท.) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ และให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สามารถนำมาปรับปรุงการดำเนินงานทางด้านการประปา ตลอดจนได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน รวมทั้งรับทราบสรุปผลการดำเนินงานและแผนการบริหารกิจกรรมต่าง ๆ ของ สปปท. ในอนาคต โดยมี นายปริญญา ยมะสมิต ที่ปรึกษากรรมการ สปปท. และ นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ในฐานะอุปนายกคนที่ 2 สปปท. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สปปท. ให้การต้อนรับ
ภายในงาน มีการบรรยายพิเศษ หัวข้อ “โลกเปลี่ยน คนต้องปรับ รับกระแสดิจิทัล” โดย ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และหัวข้อ “Eco Efficiency” โดยวิทยากรจากบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด การจัดนิทรรศการและเทคโนโลยีในงานประปาโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนการศึกษาดูงาน ณ โรงไฟฟ้าอุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
ดร. ทรงศักดิ์ กล่าวว่า โลกในยุคปัจจุบันมีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ในเมื่อโลกเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล หลายภาคส่วนได้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาองค์กร รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงาน ทั้งด้านการให้บริการแก่ประชาชน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการเข้าถึงบริการภาครัฐ ดังนั้น เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีดิจิทัล ทุกภาคส่วนจะต้องอาศัยการบูรณาการ ความร่วมมือร่วมใจกัน ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เพื่อนำพาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และก้าวทันความเปลี่ยนแปลง ผมขอชื่นชม สปปท. ที่เล็งเห็นความสำคัญและแนวทางให้เกิดการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนกำหนดแนวทางและทิศทางในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสร้างความสมดุลกันระหว่างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและการป้องกันรักษาระบบนิเวศไปพร้อมกัน ยึดหลักการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจด้วยวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและการลดมลพิษที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนพร้อมจุดประกายความคิดในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้เป็นมรดกที่ล้ำค่าของประเทศชาติตลอดไป