posttoday

ม.รามฯต้องพัฒนาตนเองข้ามผ่านสิ่งเก่าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

19 ตุลาคม 2563

.

การเมืองไทยตอนนี้ร้อนแรง แต่ก็ต้องใจเย็นๆ กันทั้งฝ่ายม็อบและรัฐบาล ซึ่งก็ต้องหาทางลงที่เหมาะสมทั้ง 2 ฝ่าย ประเทศชาติจะได้เดินหน้าในสภาวะที่ประเทศกำลังบอบช้ำจากพิษโควิด-19 ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้ง 2 ฝ่าย และที่ย่านหัวหมากก็กำลังร้อนแรงเหมือนกัน จะมีเลือกตั้งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่ทุกๆ คนสามรถจะเข้าเรียนได้ และยังเปิดสอนฟรีดีกรี ปริญญาตรี สำหรับนักเรียนที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และกำลังจะศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 สามารถเรียนควบคู่ไปกับการเรียนสายสามัญกับสายอุดมศึกษาไปด้วยกัน เมื่อจบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 และเรียนต่อระดับอุดมศึกษาอีกประมาณ 1 ปีหรือครึ่งปีก็ได้รับปริญญาตรี นี่คือราม

วันนี้เรามาดูการเมืองในรามที่เข้มข้นไม่แพ้การเมืองระดับชาติเช่นกัน ซึ่งในปีนี้มีผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งถึง 3 คนไล่เรียงตั้งแต่เบอร์ 1 ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ เบอร์ 2 ผศ.ดร.สถาพร สระมาลีย์ และ เบอร์ 3 รศ.ดร.ปรัชญา ชุ่มนาเสียว ซึ่งทั้ง 3 เบอร์จบด๊อกเตอร์ แต่ที่จบเมืองนอกมี 2 คน คือเบอร์ 1 จบที่รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเบอร์ 2 จบที่ประเทศเยอรมัน ส่วนเบอร์ 3 จบที่ไทย ดีกรีจึงแตกต่างกัน แต่เท่าที่สืบทราบมานั้น เบอร์ 1 จบ สายที่รู้เรื่องการบริการการศึกษาอย่างดี เหมาะที่จะเป็นผู้บริหาร เพราะปัจจุบัน เราใช้อาจารย์ที่ถนัดทางด้านการสอนไปบริหารงานในมหาวิทยาลัยเป็นส่วนมาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ก็ควรจะมีความรู้รื่องบริหารการศึกษาและบริการบุคคลด้วย เพื่อให้มหาวิทยาลัยก้าวหน้าและนำพาองค์กรให้เข้มแข็ง เป็นมหาวิทยาลัยที่ทุกคนเข้าเรียนได้และจบออกมาอย่างมีคุณภาพ

ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยบางแห่งนำเอาการบริหารจัดการอย่างดีมาใช้ ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถหาเงินมาบริหารจัดการภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล อย่างในกรณีผู้สมัครเบอร์ 1 เท่าที่สอบถาม ได้นำความรู้ความสามารถมาบริหารจัดการในหลายๆสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งช่วงเกิดวิกฤติการโควิดเมื่อต้นปี เป็นผู้นำจัดการรวบรวมบุคลากรของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ออกมาปฏิบัติงานจริง ทำโครงการ Big Cleaning Day โดยฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด ฉีดยาตามตึกต่างๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย  นอกจากนั้น ยังดำเนินการจัดสัมมนากัระดับชาติ เรื่อง “องค์ความรู้ด้านกัญชากับการรักษาโรค" จัดทำโครงการบริการวิชาการและวิชาชีพแก่ชุมชนชาวจังหวัดอุทัยธานี เรื่อง การทำปั้นสิบปลาแรดและกล้วยฉาบมืออาชีพ” และ “การแปรรูปส้มซ่าและปลาแรด” วัตถุดิบชั้นเลิศของอุทัยธานี เป็นกิจกรรมการดำเนินการจัดประชุม “Ramkhamhaeng University National and Education “

พร้อมทั้งคัดเลือกและเชิญวิทยากรจากต่างประเทศมาเป็นองค์ปาฐก, เป็นผู้เร่งรัดและจัดทำวารสารบัณฑิตวิทยาลัยให้รวยเร็ว ,การเสนอเทคนิคการจัดทำวิทยานิพนธ์,การจัดประชุมเชิงวิชาการ”สะเต็มศึกษาเพื่อการพัฒนาทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21” โดยเชิญ Professor Dr.Edward M Reeve จาก Utah State University และประธานนักเรียนเก่าแห่งรัฐยูทาห์ในประเทศไทยคนปัจจุบัน และตำแหน่งที่สำคัญในมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณบดีคณะบัณฑิตวิทยาลัยฯ รักษาการในคณะต่างๆ อีกหลายคณะในมหาวิทยาลัยรามคำแหง

เรียกได้ว่าความรู้ความสามารถ ของ ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ไม่เป็นสองรองใครสามารถเข้ามาบริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงให้เจริญก้าวไปข้างหน้าและดีกว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ แต่ก็ยังโดนโจมตี กล่าวหาว่า เป็นนอมินีหรือเป็นตัวแทน เป็นคนของอธิการบดีคนเก่าเพื่อมาสืบทอดอำนาจ

อย่างไรก็ตาม การเลือกอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงครั้งนี้มีความสำคัญ ทุกคนที่ลงสมัครควรนำเสนอนโยบายที่เป็นจริง ทำได้จริง ไม่ผิดกฏหมายหรือข้อบังคับใดๆ รามคำแหงต้องพัฒนาตนเอง ให้ข้ามผ่านสิ่งเก่าเพื่อพัฒนาสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่สดใสและเจริญรุ่งเรือง