posttoday

ส.เปิดยุทธศาสตร์ปี 64-65 รักษาความเป็นผู้นาตลาดสินเชื่อบ้าน ยกระดับการให้บริการลูกค้าขึ้นสู่ Digital Platform

08 ตุลาคม 2563

รองรับการเป็น Digital Bank ในอนาคต ตั้งเป้าหมายให้มี Digital Transaction ไม่ต่ากว่า 80% ของจานวน Transaction ทั้งหมดในปี 65

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยแผนยุทธศาสตร์ ปี 2564-2565 มุ่งดาเนินการตามพันธกิจ “ทาให้ คนไทยมีบ้าน” และรักษาความเป็นผู้นาในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้วยสินเชื่อคงค้าง 1 ใน 3 ของยอดสินเชื่อคงค้างทั้งระบบสถาบันการเงิน ล่าสุด ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 156,650 ล้านบาท คาดทาได้ตามเป้าหมายที่ 210,000 ล้านบาท พร้อมยกระดับการให้บริการลูกค้า ขึ้นสู่ Digital Platform เพื่อรองรับการเป็น Digital Bank ในอนาคต อานวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของธนาคารได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ตั้งเป้าหมายให้มี Digital Transaction ไม่ต่ากว่า 80% ของจานวน Transaction ทั้งหมดในปี 2565

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ ธอส. ปี 2564-2565 ว่า ธนาคารยังคงมุ่งมั่นดาเนินการตามพันธกิจ “ทาให้คนไทยมีบ้าน” รักษาความเป็นผู้นาในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้วยการมีสินเชื่อคงค้างจานวน 1 ใน 3 ของยอดสินเชื่อคงค้างทั้งระบบสถาบันการเงิน โดยล่าสุด ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว156,650 ล้านบาท และมั่นใจว่า จะทาได้ตามเป้าหมายปี 2563 ที่ 210,000 ล้านบาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนคืออัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่า และการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทาให้เป็นโอกาสของประชาชนที่รายได้ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้มีบ้านเป็นของตนเอง ได้ง่ายขึ้น ขณะที่ในปี 2564 ธอส. ยังคงตั้งเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ 215,641 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 222,110 ล้านบาท ในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นปีละ 3% ตามลาดับ ด้วยสินเชื่อคงค้างในปี 2564 ที่ 1.374 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.444 ล้านล้านบาท ในปี 2565 โดยให้ความสาคัญกับการยกระดับการให้บริการลูกค้าขึ้นสู่ Digital Platform เพื่อรองรับการเป็น Digital Bank ในอนาคต อานวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของธนาคารได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และช่วยลดต้นทุนการดาเนินงานของธนาคาร เพื่อดึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่าลงอีก โดยตั้งเป้าหมายให้มี Digital Transaction ไม่ต่ากว่า 80% ของจานวน Transaction ทั้งหมดในปี 2565 ด้วยแผนงาน/โครงการสาคัญที่สนับสนุนการเป็น Digital Bank ประกอบด้วย

ส.เปิดยุทธศาสตร์ปี 64-65 รักษาความเป็นผู้นาตลาดสินเชื่อบ้าน ยกระดับการให้บริการลูกค้าขึ้นสู่ Digital Platform

1.โครงการ New Normal Services พัฒนาบริการใหม่ของธนาคารบน Mobile Application : GHB ALL เพื่อรองรับ Lifestyle ลูกค้าแบบ New Normal ตามที่ธนาคารได้เปิดให้บริการใน Phase ที่ 1 จานวน 6 บริการ ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ประกอบด้วย 1.ซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ให้บริการได้ทั้งการซื้อสลากครั้งแรกหลังเปิดบัญชีสลากที่สาขา หรือลูกค้าเดิมที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม รวมถึงสลากออมทรัพย์ชุดใหม่ล่าสุด ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท แต่มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลมากยิ่งขึ้น โดยรางวัลที่ 1 มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านบาท รวมถึงยังมีรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัว และรางวัลเลขสลับเลขท้าย ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ซื้อครั้งแรกภายในเดือนตุลาคม 2563 2.ขอ Statement บัญชีเงินฝาก สาหรับลูกค้าที่ต้องการนาข้อมูลบัญชีประเภทออมทรัพย์ไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาในการอนุมัติธุรกรรมต่าง ๆ ตามที่ต้องการ 3.จองคิวใช้บริการล่วงหน้า เพื่อไปรอรับบริการที่สาขาในวันเวลาที่นัดหมายได้ทันที 4.ใบเสร็จชาระเงินกู้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ แทนรูปแบบเดิมที่เป็นกระดาษและจัดส่งทางไปรษณีย์ 5.ชาระเงินดาวน์ทรัพย์ NPA โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา และ 6.แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเปลี่ยนแปลงที่อยู่จัดส่งเอกสาร/การติดต่อกับธนาคารเพื่อไม่ให้พลาดการติดต่อหรือรับข้อมูลสาคัญจากธนาคาร และจะเปิดให้บริการใน Phase ที่ 2 ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 อาทิ เปิดบัญชีเงินฝาก ออมทรัพย์ ขอหนังสือรับรองภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ขอหนังสือรับรองภาษีดอกเบี้ยเงินกู้ แจ้งความประสงค์กู้เพิ่ม

2.โครงการ Tollway Loan Plus เป็นการยกระดับความร่วมมือกับฝ่าย HR ของบริษัทหรือหน่วยงานที่มีสวัสดิการเงินกู้กับธนาคารจะเป็นผู้ส่งข้อมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งรายได้ หลักฐานส่วนตัว และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการยื่นกู้ให้แก่พนักงานที่ประสงค์ยื่นกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยกับธนาคาร โดยที่พนักงานไม่ต้องลางาน เพื่อเดินทางไปติดต่อยื่นเรื่องกู้ที่สาขาธนาคาร หลังจากนั้นธนาคารจะเป็นผู้ติดต่อและสัมภาษณ์ข้อมูลรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อทางโทรศัพท์ต่อไป และเดินทางเข้ามาธนาคารเพียงครั้งเดียวเพื่อทาสัญญาภายหลังได้รับแจ้งอนุมัติสินเชื่อแล้วเท่านั้น และ 3.โครงการ Virtual Branch หน่วยบริการสินเชื่อ ไร้ที่ทาการ โดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา แต่ยังคงได้รับบริการเสมือนอยู่ที่สาขา

“ขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสาคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้แก่ผู้บริหารและพนักงานให้สามารถทางานภายใต้การเปลี่ยนแปลงไปสู่ Digital Bank สร้างสรรค์ทัศนคติด้านบวกและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็น หนึ่งเดียว และมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันตามโครงการ GHB 1 TEAM รวมถึงจัดทาโครงการ Digitizer พัฒนาระบบการอนุมัติและจัดการเอกสารในลักษณะ Workflow โดยสร้างแบบฟอร์มต่าง ๆ ผ่านระบบดิจิทัล ลดขั้นตอนการทางาน ลดการใช้กระดาษ เป็นต้น” นายฉัตรชัยกล่าว

ทั้งนี้ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของธนาคาร ทาให้ปัจจุบันธนาคารยังคงสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมีความพร้อมในการเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ โดย ณ เดือนสิงหาคม 2563 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,273,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.30% สินทรัพย์รวม 1,351,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.55% เงินฝากรวม 1,110,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.74% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จานวน 51,559 ล้านบาท คิดเป็น 4.05% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 จานวน 2,044 ล้านบาท

ส.เปิดยุทธศาสตร์ปี 64-65 รักษาความเป็นผู้นาตลาดสินเชื่อบ้าน ยกระดับการให้บริการลูกค้าขึ้นสู่ Digital Platform