ทะยานสู่ปีที่ 28 กรมการจัดหางาน ยุค “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม”
กรมการจัดหางาน ทะยานสู่ปีที่ 28 ก้าวสู่ยุค “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” เต็มรูปแบบ ด้วยการนำ AI มาใช้ในการจับคู่ตำแหน่งงานอย่างแม่นยำ แบบ Real-time พร้อมเดินหน้าจัดงาน JOB EXPO THAILAND 2020 ในวันที่ 26-28 กันยายน 2563 ที่ ไบเทค บางนา นำตำแน่งงานว่างกว่า 1 ล้านอัตรา จากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มารับสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานช่วงวิกฤตโควิด-19 รวมทั้งให้การสนับสนุนการจ้างงานสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ ปี 2562-2563 เป็นเวลา 1 ปี
นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงภารกิจสำคัญ เนื่องในโอกาสวันสถาปนากรมการจัดหางาน ครบรอบ 27 ปี ในวันที่ 23 กันยายน 2563 ว่า กรมการจัดหางาน มีภารกิจสำคัญในการบริการจัดหางานในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้พ้นโทษ ทหารก่อนปลดประจำการ แรงงานที่อยู่บนพื้นที่สูง เป็นต้น ให้ได้มีงานทำ มีรายได้ที่เหมาะสม ช่วยลดปัญหาการว่างงานและการขาดแคลนแรงงานรวมถึงการแนะแนวและส่งเสริมการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชนทั่วไป การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการขยายแรงงานไทยไปต่างประเทศ การคุ้มครองแรงงาน เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทจัดหางาน และบุคคลที่มีพฤติกรรมหลอกลวงคนหางาน ตลอดถึงการจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศให้เป็นไปตามกฎหมาย และเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยมากที่สุด
· เข้าสู่ปีที่ 28 ยุค “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ใช้ “AI” Matching ตำแหน่งงาน
เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล และรัฐบาลได้มีนโยบายปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Government กรมการจัดหางาน จึงได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงการให้บริการในทุกภารกิจสู่ระบบ e-service เพื่อรองรับนโยบาย และการสนองตอบความต้องการของประชาชนให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าใช่จ่าย และลดข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะการให้บริการจัดหางานภายในประเทศ ผ่าน https://smartjob.doe.go.th โดยทั้งนายจ้างและผู้สมัครงานสามารถดาวน์โหลดบัตรดิจิทัล (ในรูปแบบ QR code) ซึ่งจะมีระบบแจ้งเตือนนายจ้างเมื่อมีผู้สมัครงานที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการ และเตือนผู้สมัครงานเมื่อมีคุณสมบัติตรงกับที่นายจ้างต้องการ
ปัจจุบัน กรมการจัดหางานอยู่ระหว่างพัฒนาต่อยอดบริการจัดหางานภายในประเทศสู่ระบบ Job Matching Platform และ Job Demand Open Platform เพื่อให้เข้าถึงการจ้างงาน การสมัครงานทำได้สะดวก รวดเร็ว ผ่าน Mobile Application โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล AI มาพัฒนาจับคู่งานให้แม่นยำยิ่งขึ้น มีการแจ้งเตือน แบบ Rea-time และให้บริการแบบ Single Sign-On สามารถสมัครงานได้ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมเชื่อมโยงฐานข้อมูลเข้าศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติ (National Labour Information Center : NLIC ) เพื่อสร้างฐานข้อมูลความต้องการแรงงาน และกำลังแรงงาน สนับสนุนการจัดเตรียมแรงงาน และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการแรงงานในอนาคต
สำหรับการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ กรมการจัดหางานได้ส่งเสริมการจ้างงานระยะสั้น ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี สวีเดน และฟินแลนด์ ตลอดจนขยายการทำงานต่างประเทศไปยังตลาดใหม่ ได้แก่ ประเทศโมซัมบิก แอฟริกาใต้ กาตาร์ โอมาน ฮังการี และโรมาเนีย เป็นต้น
กรมการจัดหางาน ยังได้ดำเนินการยกร่าง และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ยกร่าง พระราชบัญญัติส่งเสริมการมีงานทำ พ.ศ. .... เพื่อให้มีกลไก หรือเครื่องมือในการบริหารจัดการตลาดแรงงานให้เกิดความสมดุล และได้มีการทบทวนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศในปัจจุบัน เช่น การเดินทางไปเก็บผลไม้ป่า การไปฝึกงานและท่องเที่ยวของนักเรียน นักศึกษา (work and travel) รวมถึงการประกอบธุรกิจ การจัดส่งแรงงานไปทำงานโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
· วิกฤต “โควิด-19” คนไทยว่างงานไม่เกิน 2 ล้านคน
สถานการณ์การว่างงานก่อนวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 (ต.ค.-ธ.ค.62) ประเทศไทยมีอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.0 หรือ 3.7 แสนคน ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.63) ซึ่งมีอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.0 หรือ 3.9 แสนคน ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 (เม.ย.-มิ.ย.63) หลัง Lockdown ประเทศ จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มเป็น ร้อยละ 2.0 หรือประมาณ 7.4 แสนคน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้คาดการณ์ว่า ตลอดปี 2563 ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ว่างงาน ร้อยละ 3-4 หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 2 ล้านคน
สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ โดยในปี 2562 มีแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ 1.1 แสนคน หลังวิกฤตไวรัสโควิด-19 (ม.ค.-ก.ค.63) ลดลงเหลือเพียง 2.6 หมื่นคน และยังส่งผลกระทบต่อแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนลดลงเช่นกัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการและนายจ้าในบางภาคอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานต่างด้าว
· จัดงาน JOB EXPO THAILAND 2020 “รับสมัครงานกว่า 1 ล้านตำแหน่ง”
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการว่างงาน กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จึงได้กำหนดจัดงาน JOB EXPO THAILAND 2020 ซึ่งเป็นงานจัดหางานครั้งยิ่งใหญ่ระดับประเทศ ระหว่างวันที่ 26 - 28 กันยายน 2563 ณ HALL EH 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาการว่างงาน จากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และเพื่อส่งเสริมการมีงานทำของประชาชน อีกทั้งยังสนองนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ประชาชนวัยทำงาน ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยมุ่งเน้นให้คนไทยต้องมีงานทำในทุกพื้นที่ สนับสนุนการจ้างงาน ที่มั่นคงและต่อเนื่อง เน้นเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบการในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยมีตำแหน่งงานว่างทั้งในประเทศ จากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ตำหน่งงานว่างในต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น อิสราเอล มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นต้น
· ส่งเสริมการจ้างงานแก่ผู้จบการศึกษาใหม่ ปี 2562-2563
โครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นการดำเนินการแบบบูรณาการทำงานร่วมกับนายจ้าง สถานประกอบการ โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนอุดหนุนเงินค่าจ้าง ร้อยละ 50 ของเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท/เดือน/คน มีกำหนดระยะเวลา 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยให้นายจ้างหรือสถานประกอบการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ ระดับปริญญาตรี หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อายุไม่เกิน 25 ปี จบการศึกษาปี พ.ศ. 2562 หรือ พ.ศ. 2563 จำนวนรวมทั้งสิ้น 260,000 คน โดยมีอัตราเงินเดือนวุฒิปริญญาตรี 15,000 บาท/เดือน วุฒิ ปวส. 11,500 บาท/เดือน และวุฒิ ปวช. 9,400 บาท/เดือน ทั้งนี้ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องอยู่ในระบบประกันสังคม และไม่เลิกจ้างลูกจ้างเดิมเกินกว่าร้อยละ 15 ภายในระยะเวลา 1 ปี
· ยืดอายุแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติให้ทำงานต่อได้ถึง 31 มี.ค.2565
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของผู้ประกอบการที่ขาดแคลนแรงงานต่างด้าว คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2563 ให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา) ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย และใบอนุญาตจะหมดอายุลงช่วง มี.ค.-มิ.ย. 2563 หากนายจ้างหรือผู้ประกอบการต้องการจ้างงานต่อ ให้สามารถอยู่ทำงานต่อได้ จนถึงไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2565
· ตลาดแรงงานในอนาคตต้องการแรงงานที่มีความรู้และคุณวุฒิสูงขึ้น
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวในตอนท้ายว่า ตลาดแรงงานในอนาคตต้องการแรงงานที่มีความรู้และคุณวุฒิสูงขึ้น แรงงานทักษะต่ำจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรและหุ่นยนต์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือ ความเหลื่อมล้ำจากการเข้าถึงเทคโนโลยี ความรู้ การศึกษา การจ้างงาน และการลดบทบาทลงของธุรกิจคนกลาง คุณสมบัติของแรงงานยุคใหม่ที่จะต้องมีคือ เข้าใจตนเอง เรียนรู้ตลอดชีวิต ทำงานเป็นทีม การเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อความเชื่อของตนเอง
กรมการจัดหางาน มีตำแหน่งงานว่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผู้ว่างงานสามารถดูตำแหน่งงานได้จากระบบ Smart Job ซึ่งมีทั้งงานประจำ และงาน part-time รวมทั้งตำแหน่งงานว่างในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใน 3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการขับเคลื่อนด้านแรงงาน เศรษฐกิจและสังคม โดยสามารถสมัครงานได้ทาง เว็บไซต์ http://smartjob.doe.go.th และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือ ติดตามตำแหน่งงานว่าง Part-time ได้ทาง Facebook Fanpage : เสิร์ฟงานด่วน และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน