posttoday

ซีอีโอ SPCG โชว์วิสัยทัศน์การพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์บนเวทีฝรั่งเศส

31 ตุลาคม 2562

ซีอีโอหญิง SPCG ได้รับเชิญจากสถาบันพลังงานระหว่างประเทศโชว์วิสัยทัศน์บนเวทีกรุงปารีสในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์สำเร็จเป็นรายแรกของประเทศ

ซีอีโอหญิง SPCG ได้รับเชิญจากสถาบันพลังงานระหว่างประเทศโชว์วิสัยทัศน์บนเวทีกรุงปารีสในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์สำเร็จเป็นรายแรกของประเทศ

เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด(มหาชน) SPCG ได้รับเชิญจากสถาบันพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ไปบรรยายที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในเรื่อง ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนา โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์ว่า SPCG ถือเป็นบริษัทที่พัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์เป็นแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อปี 2010 หลังจากที่รัฐบาลไทยได้ออกนโยบายรับซื้อไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์แล้ว แต่เนื่องจากสถาบันการเงินและนักลงทุนยังขาดความเข้าใจ และความเชื่อมั่น จึงต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่น

ซีอีโอ SPCG โชว์วิสัยทัศน์การพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์บนเวทีฝรั่งเศส

ทั้งนี้ ต้องหาทุนโดยการขายทรัพย์สินเพื่อมาใช้เป็นทุน ต้องใช้การค้ำประกันส่วนตัวในการกู้เงินจากธนาคาร ตลอดจนได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมมาร่วมลงทุนในโครงการที่ 1 จนกระทั่งสามารถพัฒนาโครงกาโครงการแรกสำเร็จเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2010 และผลการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ดีกว่าที่ธนาคารคาดหวังไว้ จึงสามารถทำการพัฒนาโครงการที่ 2-36 ต่อได้จนสำเร็จ โดยต้องมีการระดมทุนโดยนำ SPCG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กู้เงินเป็นทุน เชิญ International Finance Corporation, World Bank เข้าร่วมเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินทั้งในรูปแบบเงินลงทุนและเงินกู้ จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทั้งนักลงทุนและสถาบันการเงิน

ดร.วันดี กล่าววว่า จากโครงการที่ 1 ด้วยอัตราหนี้สินต่อทุนที่ร้อยละ 60/40 เป็นร้อยละ 75/25 ในโครงการที่เหลือ และมีสถาบันการเงินร่วมสนับสนุนถึง 7 แห่ง สุดท้ายมีการออก บอนด์ ขนาด 16,500 ล้าน เพื่อชำระหนี้แก่ธนาคารทั้งจำนวน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI)ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และลด 50% อีก 5 ปีจากปีที่ 9-14

ทั้งนี้ ในช่วงการพัฒนาโครงการ SPCG ช่วยสร้างงานกว่า 20,000 แรงงานขณะก่อสร้าง และกว่า 1,000 แรงงานในช่วงเวลาอีก 25 ปี อีกทั้งยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศกว่า 200,000 ตัน/CO2/เทียบเท่า

“ จากผลความสำเร็จดังกล่าวได้สร้างความเชื่อมั่นแก่รัฐบาลโดยมีการกำหนดแผนการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทน กว่า 30%ของการใช้พลังงานทั้งหมดในประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน คาดว่า จะมีแผนการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทน กว่า 1 ล้านล้านบาทในอีก 20 ปีข้างหน้า” ดร.วันดีกล่าว