posttoday

รพ.พญาไท 2 ชี้แจงเหตุคนไข้แจ้งความโจมตีการรักษามีพิรุธต้องการแบล็่คเมล์

31 ตุลาคม 2562

รพ.พญาไท 2 ยืนยันไม่เป็นความจริง เหตุปล่อยสาวตลาดหลักทรัพย์นอนเลือดไหลจนแผลติดเชื้อ พร้อมแจ้งความกลับ ตั้งข้อสังเกตอาจเป็นการแบล็คเมล์เรียกค่าชดเชย 10 ล้าน พบผู้ร้องมีการเปลี่ยนชื่อถึง 5 ครั้ง

รพ.พญาไท 2 ยืนยันไม่เป็นความจริง เหตุปล่อยสาวตลาดหลักทรัพย์นอนเลือดไหลจนแผลติดเชื้อ พร้อมแจ้งความกลับ ตั้งข้อสังเกตอาจเป็นการแบล็คเมล์เรียกค่าชดเชย 10 ล้าน พบผู้ร้องมีการเปลี่ยนชื่อถึง 5 ครั้ง

น.พ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการ รพ.พญาไท 2 ชี้แจงว่า จากกรณี น.ส.เขมจิรา วงศ์ศิริปภากุล อายุ 30 ปี สาวตลาดหลักทรัพย์เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.เสม็ด จ.ระยอง อ้างว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมาได้ไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อรักษาโรคเอสแอลอี หรือ โรคพุ่มพวง เนื่องจากแพทย์ได้ตรวจพบชิ้นเนื้อไต ภายหลังจากการรักษา เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ปล่อยให้ทิ้งอยู่ในห้องรักษานานถึง 45 นาที ปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาตลอดเวลาโดยไม่มีผู้ดูแล และปิดปากแผลผ่าตัดไม่ถูกจุดทำให้อักเสบจนติดเชื้อ ต้องรักษาตัวนานกว่า 1 เดือน เสียเวลาการทำงาน เคยร้องเรียนไปยัง รพ.ดังกล่าวแล้ว ให้คำตอบว่าจะให้ Gift Voucher หากเข้ามารักษาพยาบาล

นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลมีหลักฐานการรักษาน.ส.เขมจิรา จากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่พยาบาลทุกคนได้รักษาคนไข้ตามหลักมาตรฐาน ทาง โรงพยาบาลไม่ได้ปล่อยให้คนไข้เลือดไหลนานกว่า 45 นาทีเพราะจะส่งผลให้คนไข้ช็อคหมดสติ ภาพที่คนไข้ปล่อยแขนห้อยลงมาให้เลือดไหลนั้นถือว่าผิดวิสัย โดยหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงพยาบาลได้มีการนำเรื่องราวทั้งหมดมาทบทวนก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดไปจากมาตรฐานที่เราปฏิบัติ โดยได้เช็คแม้กระทั่งการเปิด-ปิดน้ำเกลือ คุณสมบัติของเจ้าที่ที่ดูแลคนไข้ ซึ่งทุกคนมีคุณสมบัติเหมาะสม โดยเฉพาะคนที่แทงน้ำเกลือเป็นพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านแทงน้ำเกลือโดยเฉพาะ แต่ภาพที่เห็นเป็นพลาสเตอร์ที่หลุดอาจเป็นเพราะการดึงออกเอง และเลือดที่หยดออกมาก็เป็นเลือดที่ผสมกับน้ำเกลือ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลได้มอบบัตรกำนัลตรวจสุขภาพให้ แต่คนไข้เรียกค่าเสียหายมากถึง 10 ล้านบาทอาจมีเจตนาต้องการแบล็กเมล์เรียกค่าเสียหาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทางโรงพยาบาลได้ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ไว้แล้วเช่นกัน เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ ทางโรงพยาบาลไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด และจากการตรวจสอบประวัติของคนไข้รายที่ร้องเรียนนี้พบมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลมาแล้วถึง 5 ครั้งและการแจ้งความแต่ละครั้งมักใช้ชื่อคนละชื่อในการแจ้งความ

ทั้งนี้ ต่อไปหากเจอคนไข้แบบนี้มากๆ พยาบาลต้องใช้เวลาตรวจสอบและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะในการดูแลคนไข้ เราต้องปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอยู่แล้ว