posttoday

“แอ็ป-สตาช่า” ขอพักไมค์ สยายปีกธุรกิจเต็มสูบ

17 ตุลาคม 2562

“แอ็ป-สตาช่า”อดีตนักร้องค่าย GMM Grammy ขอพักไมค์ สยายปีกธุรกิจเต็มสูบหลังธุรกิจ Pool Party ได้ประสบความสำเร็จมากว่า 7 ปี ลุยปั้นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

“แอ็ป-สตาช่า”อดีตนักร้องค่าย GMM Grammy  ขอพักไมค์ สยายปีกธุรกิจเต็มสูบหลังธุรกิจ Pool Party ได้ประสบความสำเร็จมากว่า 7 ปี ลุยปั้นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

แอ็ป-ธิดาศิริ ด่านวรรธนกุล หรือ แอ็ป-สตาช่า ด่านสิทธิเตโชดม อดีตนักร้องค่าย GMM Grammy ที่มีผลงานแจ้งเกิด "คำสารภาพของนักศึกษาฝึกงาน" ที่ดึงดูดนิสิตนักศึกษาได้เป็นอย่างดี กับแนวเพลงใหม่ในเวลานั้น "โมเดิร์น ลูกกรุง" ได้หันมาทำธุรกิจ Music Event ให้กับโรงแรมห้าดาวชั้นนำทั่วประเทศ โดยเฉพาะ Daytime Entertainment อย่าง Pool Party ที่ประสบความสำเร็จตลอด 7 ปี และธุรกิจเช่า Electric Scooter “Scoota” และมอเตอร์ไซค์ “MadBike” โดยเธอมีสโลแกนว่า "เราจะมีความสุขกับทุกๆ สิ่งที่เราบริหารให้คนของเราทำงานอย่างมีความสุข และประสบความสําเร็จ"
ธิดาศิริ กล่าวว่า เริ่มสนใจร้องเพลงตั้งแต่เมื่อไหร่

เราร้องเพลงตั้งแต่ 4 ขวบบนเวทีงานของโรงเรียนเป็นต้นมา คุณพ่อเปิดเพลงร๊อคเสียงดังลั่นบ้านทุกวัน ส่วนเราชอบฟังเพลงสากลเพราะที่บ้านมีดาวเทียม เราสนใจดูแต่ช่อง Channel [V] ตอนนั้น ชอบ Michael Jackson, Madonna, Queen เป็นต้น เราโตมากับการถือไมโครโฟนยืนบนเวที เราอ่านกลอน นำสวดงานไหว้ครู พากย์นิทาน นำร้องเพลงชาติ เป็นพิธีกร เป็นนักร้องนำของวงดนตรีประจำโรงเรียนถึงมหาวิทยาลัย เราเป็น Leader ตลอด วันนึงเราไปเดินห้างแล้วมีแมวมองมาเจอติดต่อเราไปประกวดนางสาวไทย (Miss Thailand) ปีเดียวกับพี่บุ๋มและได้เข้ารอบ ในทุกเวทีประกวดเราเลือกโชว์ความสามารถพิเศษด้วยการร้องเพลง จนวันนึงเราได้ร่วมกับค่ายอินดี้ร้องในอัลบั้ม 2 เพลง ร้องสดคอนเสิร์ตกลางสยามสแควร์ถ่ายทอดสดทางทีวี เราเริ่มคลุกคลีกับพี่ๆ วงการเพลง ใช้ห้องอัดเดียวกับ Grammy จนวันนึงพี่ที่แกรมมี่ได้ติดต่อนัดเราเข้าพบพี่ดี๊ นิติพงษ์ ห่อนาค เราตื่นเต้นมากเพราะ Grammy Grand มีแต่ศิลปินเบอร์ใหญ่สุดของประเทศ พี่เบิร์ด พี่ใหม่ พี่มาช่า พี่ติ๊นา ซุปตาร์มากมาย และพี่ดี้คือที่สุดของนักแต่งเพลงเมืองไทย วันนั้นพี่ดี้ ให้เราลองร้องในห้องอัดเพื่อเช็คว่าสกิลในการร้องของเราเข้ามาตรฐาน Grammy Grand หรือไม่ ตื่นเต้น สรุปเราได้เซ็นสัญญากับ GMM Grammy

ธิดาศิริ กล่าวอีกว่า ออกอัลบั้มครั้งแรกในชีวิต คือ เพลง "ใจให้ไป" ร้องกับ ชิน ชินวุฒ อัลบั้ม Big 3 นั่นคือเสียงเรา จากนั้นเรามีอัมบั้มเดี่ยว ชื่อ "คำสารภาพของนักศึกษาฝึกงาน" เป็นอัลบั้มแรกที่ลองแนวเพลงผสมผสานความเป็นป็อปและดนตรีกลิ่นอายไทยลูกกรุง มีความไพเราะสูง ภายใต้ MLK (Modern Lukkrung) โดยมีพี่น้อง อพิสิษฎ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นโปรดิวเซอร์ ผู้แต่งในอัลบั้มนี้คือนักแต่งเพลงแถวหน้าเมืองไทยทุกท่าน เพลงแรกนี้ได้ขึ้นชาร์ตเพลงอันดับหนึ่งต่างจังหวัดหลายจังหวัด เด็กนักศึกษาจะถูกใจเป็นพิเศษ ตอนนั้นยังเป็นระบบไปสัมภาษณ์ตามคลื่นวิทยุของจังหวัดต่างๆ เราก็จะรู้ว่าเพลงของเราขึ้นชาร์ตประมาณไหน ตอนนั้นไปสัมภาษณ์สื่อที่เมืองภูเก็ต ขณะที่เรานั่งทานข้าว ร้านอาหารเปิดวิทยุ แล้วดีเจประกาศเพลงเราขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่ง เราเหลือบไปเห็นฝาผนังที่ร้านมีโปสเตอร์เราและอัลบั้มเราด้วย เขินเลย

“แอ็ป-สตาช่า” ขอพักไมค์ สยายปีกธุรกิจเต็มสูบ

“เราชอบ Christina Aguilera อัลบั้ม "Stripped" ชอบความดิบ ดาร์ก อาร์ต และ dirty เราดูดีวีดีคอนเสิร์ต Stripped กว่า 30 รอบ เราชอบพลังของเค้า สกิล เทคนิคการร้อง และการเพอร์ฟอร์มบนเวที ดังนั้น อัลบั้มเดี่ยว อัลบั้มที่ 2 เรามี Stripped เป็น reference อัลบั้มนี้ชื่อ "Clear" แนว Soul Rock เพลงแรกคือ "ไม่ขอใครกิน" อัลบั้มนี้ เราเป็น Co-Producer และ Song-Writer ร่วมด้วย อัลบั้มนี้ก็รวมศิลปินนักแต่งเพลงขั้นเทพ เราได้พี่หนึ่ง จักรวาล มาเล่นเปียโน พี่หนึ่ง ณัฐวุฒิ พันธ์สายเชื่อ กลอง และเป็นโปรดิวเซอร์ พี่แว่น จักราวุธ มาช่วยแต่งเนื้อร้อง พี่โก้ มิสเตอร์แซกแมน กับเสียงแซกโซโฟน เป็นอัลบั้มหนึ่งที่มีคุณภาพแต่ดันออกผิดจังหวะ “ธิดาศิริ กล่าว

แกรมมี่มีโปรเจค Club F โดยพี่เก๋ ชลลดา เมฆราตรี มีพี่หลิว มนัสวี มาด้วย และพี่ฟิลลิป ยูน คุมภาพรวม อัลบั้มเดี่ยวชิ้นนี้ชื่อ "The Show Must Girl On" เป็นดีวีดีสตอรี่ เราได้เป็นตัวเองในเนื้อเรื่องและใช้เพลงที่เราแต่งด้วย ตอนนั้น Annita และ แอนนี่ บรูค ก็ออกพร้อมกัน คนละอัลบั้ม และมีโปรเจ็คเพลงแดนซ์ cover หลายเพลงด้วยกัน เช่น I need Somebody Love, น้ำเต็มแก้ว เป็นต้น หลังจากนั้น ก็มีงานถ่ายแบบ แมกกาซีนต่างๆ และเดินแบบ ติดต่อมาเรื่อยๆ จากตอนแรกเป็นเด็กนักศึกษาฝึกงาน ไม่มีหน้าอก ต่อมาก็มีหน้าอก (หัวเราะ) หนังสือมาติดต่อถ่ายภาพเซ็กซี่เยอะมากแล้วก็โดนที่บ้านเผาทิ้งหมด พ่อกับแม่ไม่โอเครมากๆ แต่สมัยนั้นกับสมัยนี้ไม่เหมือนกันก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้ว ส่วนเพลงเราก็ยัง feat. กับศิลปินดังๆ อีกหลายคน ร้องเพลงละคร เพลงโฆษณา แต่งเพลงให้ศิลปินญี่ปุ่น เราเขียน เราร้อง จนจำไม่ได้ว่าเสียงเราไปใช้อะไรบ้าง

“เริ่มจากพี่ที่แกรมมี่อีกแล้ว พี่วิชชา ได้ติดต่อกับทาง Heineken โดย พี่ปริญ มาลากุล ณ อยุธยา มีงานโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ Sensation จาก Amsterdam เข้ามาประเทศไทยครั้งแรกจัดที่อิมแพค แล้วมองหาคนที่สามารถเป็น Coordinator คุยกับลูกค้าหรือสปอนเซอร์ ทำงานร่วมกับพี่ๆ และระหว่างประเทศ เราจึงได้เซ็นสัญญาร่วมทำงานในโปรเจคนี้ จากเราเป็นคนเบื้องหน้ายืนบนเวที ตรงจุดนี้ทำให้เราเห็นการทำงานของเบื้องหลังการสร้างเฟสติวัลระดับโลก ทำให้เราได้เห็นว่างานเบื้องหลังมันเหนื่อยสุดๆ แต่การทำงานแบบฝรั่งถูกจริตเรา ทีมมี Discipline สูง เสร็จโปรเจ็คนี้ ก็มีบริษัทอื่นติดต่อมาเรื่อยๆ บริษัทที่นำ Paris Hilton เข้ามาแสดงในเมืองไทยก็เช่นกัน เราเป็นคนรับผิดชอบเอกสารติดต่อสื่อสารร่างสัญญาทางกฏหมาย และเป็นผู้ดูแลศิลปินชั้นนำของโลกด้วย คนเริ่มติดต่อเราเยอะขึ้น เราได้ร่วมงานกับคนระดับแถวหน้า คนดัง คนใหญ่โต connections เราแข็งแรง  เราจึงคิดว่าเราควรเปิดบริษัทอย่างเป็นทางการ ดังนั้นต้นปี 2013 เราจึงจดทะเบียนบริษัทในชื่อ MAD STASH CO., LTD. “

การตั้งชื่อ สตาช่า Stasha มีคนเดียวในประเทศไทย เราตั้งเองตามหลักเลขศาสตร์ แปลว่า The Rebirth of Jesus อีกนัยยะหนึ่งก็คือ มงกุฎแห่งโชคที่สวมเมื่อเกิดใหม่ นามสกุลเราก็เปลี่ยน แต่ยังคงมี ด่าน ไว้ เพราะเราคนจีน แซ่ด่าน เราเหมือนตายแล้วเกิดใหม่