สานฝัน ต่ออนาคต มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลหัวเฉียว จับมือมอบทุนเรียนพยาบาลต่อเนื่อง รุ่นที่ 7 38 ทุน รวม 19 ล้านบาท
ดร.วิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยถึงมูลนิธิฯ และโครงการมอบทุนการศึกษาพยาบาล ว่า มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นองค์กรการกุศลเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ได้ก่อตั้งมา 109 ปี
ดร.วิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยถึงมูลนิธิฯ และโครงการมอบทุนการศึกษาพยาบาล ว่า มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นองค์กรการกุศลเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ได้ก่อตั้งมา 109 ปีแล้ว ดำเนินงานด้านสังคมสงเคราะห์และงานบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ แก่เพื่อนมนุษย์ทุก ชนชั้น โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา และเพศ วัย ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย และการส่งเสริมสนับสนุนทางการศึกษา มีหน่วยงานในเครือข่าย ประกอบด้วย โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคลินิกการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว และมูลนิธิฯ ยังมี "1418 สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง" รับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
โครงการปลูกต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบันของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นโครงการสาธารณสงเคราะห์ด้านการศึกษา ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ร่วมกับอีก 2 สถาบันในเครือข่าย คือ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลหัวเฉียว ร่วมกันจัดทำขึ้น ตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อขยายการช่วยเหลือสังคมในด้านการศึกษาและส่งเสริมสนับสนุนเพิ่มโอกาสทางการศึกษาในวิชาชีพพยาบาลแก่นักศึกษาผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งให้การช่วยเหลือสนับสนุนให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษา ตั้งแต่เริ่มเข้าศึกษาในคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จนสำเร็จการศึกษา และบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาแล้ว จะได้เข้าทำงานเป็นพยาบาลวิชาชีพของโรงพยาบาลหัวเฉียว เพื่อช่วยเหลือสังคมตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป ปัจจุบันนี้ มีนักศึกษาในโครงการ ที่สำเร็จการศึกษาและเข้าทำงานกับโรงพยาบาลหัวเฉียวแล้ว 3 รุ่น จำนวน 93 คน และในปีการศึกษา 2562 นี้ เป็นการมอบทุนการศึกษาโครงการปลูกต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบัน รุ่นที่ 7 จำนวน 38 ทุน
นายกอบชัย ซอโสตถิกุล ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลหัวเฉียว เปิดเผยว่า องค์กรสาธารณกุศล "มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง" ได้ริเริ่ม "โครงการปลูกต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบัน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลหัวเฉียว" ตั้งแต่ปี 2556 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ
- เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลวิชาชีพในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย
- เพื่อผลิตบุคลากรรองรับการเจริญเติบโตของโรงพยาบาลหัวเฉียวที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- เพื่อเป็นช่องทางในการกระจายโอกาสเข้าศึกษาต่อในวิชาชีพพยาบาลแก่นักเรียนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์
โครงการนี้มีนโยบายมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 - 2561 จำนวน 171 ทุน รวมเป็นเงิน 70 ล้านบาท และตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้พิจารณามอบทุนการศึกษาต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ปีละ 40 ทุน รวม 200 ทุน ทุนละ 5 แสนบาท ซึ่งในวันนี้ได้มอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาทุนพยาบาล รุ่นที่ 7 จำนวน 38 ทุน เป็นเงิน 19 ล้านบาท
นอกจากทุนศึกษาเล่าเรียนแล้ว โครงการนี้ยังได้จัดหาหอพักให้กับนักศึกษาทุนพยาบาลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านค่าใช้จ่ายในระหว่างการศึกษา โรงพยาบาลฯ จะพิจารณาให้ยืมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 4,000 บาท ตลอดระยะเวลาการศึกษา 4 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย
ขณะนี้นักศึกษาทุนพยาบาล รุ่นที่ 1 - 3 ได้สำเร็จการศึกษา และกลับมาปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเรียบร้อยแล้ว เพื่อรองรับการเข้าสู่โรงพยาบาลระดับตติยภูมิบางสาขา
โรงพยาบาลหัวเฉียวมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ ทั้งแพทย์ประจำและแพทย์ที่ปรึกษากว่า 300 ท่าน มีเครื่องตรวจวินิจฉัยและรักษา เช่น เครื่องฉีดสีสวนหัวใจ ทำบอลลูน ใส่ขดลวดขยายหลอดเลือดหัวใจ (Cath Lab) เครื่องตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เครื่องซีทีสแกน (CT Scan 160 Slices) เครื่องตรวจมะเร็งเต้านม (Digital Mammogram) มีห้องผ่าตัดที่ทันสมัย 8 ห้อง มีศูนย์ศัลยกรรม ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์จักษุ ศูนย์แม่และเด็ก ศูนย์ทันตกรรม โดยมีแผนพัฒนาศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Center) เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนทั่วไปในปี 2563 – 2564
รศ.ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยถึงมหาวิทยาลัยฯ และคุณสมบัติของผู้ขอรับทุนว่า มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ก่อตั้งขึ้นด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่ตระหนักถึงการทำคุณประโยชน์ต่อสังคมด้วยการกระจายโอกาสทางการศึกษา ปัจจุบันเปิดสอน 13 คณะวิชา ครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชาทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ด้านจีนศึกษา และด้านสังคมศาสตร์
ทั้งนี้ โครงการปลูกต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบันฯ กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับทุน เป็นผู้ที่มีผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยสะสม (GPAX) ไม่ต่ำกว่า 2.50 และครอบครัวมีรายได้น้อย
ทั้งนี้ มีการเปิดเผยจากนักศึกษาทุนต้นกล้าฯ รุ่นที่ 3 นางสาวธัญญา แก้ววิเชียรโชติ (นักเรียนจากโรงเรียนธัญรัตน์ จังหวัดปทุมธานี) ถึงความรู้สึกที่ได้รับทุน จนสำเร็จการศึกษาเป็นพยาบาลวิชาชีพ ว่า เมื่อย้อนกลับไปตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หนูมีความใฝ่ฝันที่จะเรียนเป็นพยาบาล โดยรบกวนค่าใช้จ่ายจากครอบครัวให้น้อยที่สุด เนื่องจากครอบครัวมีรายได้น้อย ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เรียนต่อโดยเฉพาะในสายวิชาชีพพยาบาล เมื่อได้รับทุนต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบัน หนูบอกกับตัวเองว่าจะทำหน้าที่นักศึกษาให้ดีที่สุดให้สมกับที่ท่านคณะกรรมการฯ ได้กรุณาให้ทุนเรา จนวันนี้สิ่งที่หนูฝันไว้ก็ได้เป็นคือ หนูได้เป็นพยาบาลวิชาชีพอย่างภาคภูมิ ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หนูขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำหน้าที่พยาบาลวิชาชีพอย่างเต็มความสามารถ ใฝ่เรียนรู้ นอบน้อมถ่อมตน ให้ความเมตตากรุณาต่อผู้ป่วยและทำประโยชน์เพื่อสังคมตลอดไป
และมีนักศึกษาทุนต้นกล้าฯ รุ่นที่ 6 นางสาววาริศรา โพธิ์บาย (นักเรียนจากโรงเรียนสตรีราชินูทิศ จังหวัดอุดรธานี) กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับทุนและศึกษาเล่าเรียนมาเป็นเวลา 1 ปี ว่า ครอบครัวของหนู พ่อแม่แยกทางกัน เมื่อหนูอายุได้ 7 ปี หนูอยู่กับคุณแม่ คุณตา และคุณยาย โดยมีรายได้จากการทำสวนยางพารา แต่ราคายางพาราตกต่ำมาก ส่งผลให้ครอบครัวของเราลำบากที่จะส่งหนูเรียนต่อในระดับปริญญาตรีโดยเฉพาะในสาขาพยาบาล หนูโชคดีมากเพราะได้รับทุนเรียนพยาบาล ผ่านมาแล้ว 1 ปี หนูได้รับประสบการณ์มากมายจากการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย และการฝึกจิตอาสาที่โรงพยาบาลหัวเฉียว หนูรับรู้ได้ถึงการทำงานที่เสียสละเพื่อส่วนรวมว่ามีคุณค่ามากแค่ไหน เมื่อได้เห็นผู้ป่วยและครอบครัวหายจากความทุกข์ทางกายและใจ
และมีคุณพ่อของนักเรียนทุนฯ รุ่น 7 นายแสงทอง อ่อนสีน้อย เป็นผู้ปกครองของ นางสาวฐิติพร อ่อนสีน้อย นักเรียนจากโรงเรียนกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ได้กล่าว ถึงโอกาสที่บุตรสาวได้รับทุนฯ ว่า ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่ลูกสาวได้รับทุนเข้าเรียนพยาบาลนี้ ครอบครัวของผมมีอาชีพทำนา รายได้ที่จะดูแลครอบครัวก็มีไม่มาก ยอมรับว่าลำบากมากครับ มีหลายครั้งที่ต้องไปกู้ยืมเงินจากนายทุนมา ต้องยอมรับกับดอกเบี้ยที่แพงมากๆ ช่วงที่ ลูกสาวใกล้จบ ม.6 เขาอยากเรียนต่อ เขาพูดเสมอว่าอยากเรียนเป็นพยาบาล ผมคิดไม่ตกว่าจะหาเงินที่ไหน ส่งลูกสาวให้ได้เรียนเพราะต้องใช้เงินเยอะ ลูกสาวของผมก็เข้าใจ และบอกว่าจะหยุดเรียนสัก 1 ปี เพื่อเก็บเงินแล้วจะกลับไปเรียนใหม่ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าไม่มีทางจริงๆ ก็คงจะต้องให้ลูกสาวหยุดเรียนเพื่อทำงาน หาเงินก่อน แต่เหมือนกับเป็นโชคดีของครอบครัวผมมากๆ ที่ได้รับทุนการศึกษาพยาบาลนี้ ได้มาเรียนในวิชาชีพ ที่เขาใฝ่ฝัน ถ้าไม่มีโครงการนี้ผมก็ไม่สามารถส่งลูกสาวเรียนพยาบาลได้ครับ
นอกจากนี้ ยังมี นางสาวทาริกา สุราลัย นักเรียนจากโรงเรียนกระทุ่มแพ้ววิทยา จังหวัดปราจีนบุรี หนึ่งในนักเรียนผู้รับทุนรุ่นที่ 7 กล่าวถึงความรู้สึกต่อการได้รับทุนโครงการฯ นี้ ว่า พ่อของหนูที่เป็นเสาหลักของครอบครัวเพียงคนเดียว เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนแล้วหนี หนูจึงต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวแทน ทำงานหาเงินและคอยดูแลคุณย่า ซึ่งท่านก็อายุมากแล้ว ทุกวันหยุดหนูต้องตื่นนอนตอน ตี 2 เพื่อรับจ้างลงบ่อจับปลาตามแต่นายจ้างจะต้องการปลามากน้อยขนาดไหน ได้รับค่าจ้างครั้งละ 300 - 550 บาท รายได้ต่อเดือนก็ประมาณ 3,000 - 3,500 บาท รายได้ที่ได้มาก็จะนำมาซื้อกับข้าว ของใช้ และเป็นค่ายาให้คุณย่า การดำเนินชีวิตค่อนข้างยากลำบากมาก เมื่อหนูได้รับการคัดเลือกเป็นผู้รับทุนนี้ หนูอยากบอกคุณย่า คุณพ่อ ว่าหนูทำได้แล้ว หนูได้เรียนในคณะที่หนูใฝ่ฝันแล้ว หนูจะมีวิชาชีพติดตัว เพื่อช่วยเหลือครอบครัว คนเจ็บป่วย และหนูคิดว่าคุณพ่อคงจะดีใจไปกับหนู ถ้าไม่มีทุนนี้ หนูคงไม่ได้เรียนต่อ ต้องทำงานรับจ้างรายวันหาเลี้ยงครอบครัว