posttoday

3 สิ่งที่ต้องรู้ถ้าไม่อยากพลาดกับการเลือกผู้ให้บริการ Co-location ที่ดี

19 มิถุนายน 2562

ก็ต้องอย่าลืมว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้น ต้องอยู่ในห้องเซิร์ฟเวอร์มีระบบสำรองไฟ ระบบระบายอากาศ ไปจนถึงผู้ดูแลตลอดเวลา นั่นก็อาจจะทำให้เราเสียเวลาและค่าใช้จ่ายไปโดยใช่เหตุ

 

เมื่อการทำธุรกิจต่างๆ นั้นต้องมีการเก็บข้อมูลเอาไว้ในระบบจำนวนมาก แล้วจะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีพื้นที่เก็บข้อมูลหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์สำหรับเก็บข้อมูลขององค์กร แต่ถ้าเราจะเอาเก็บไว้ในออฟฟิศสำนักงาน ก็ต้องอย่าลืมว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้น ต้องอยู่ในห้องเซิร์ฟเวอร์มีระบบสำรองไฟ ระบบระบายอากาศ ไปจนถึงผู้ดูแลตลอดเวลา นั่นก็อาจจะทำให้เราเสียเวลาและค่าใช้จ่ายไปโดยใช่เหตุ นั่นทำให้เกิดผู้ให้บริการ Co-location ขึ้นมานั่นเอง ผู้ให้บริการ Co-location เป็นผู้ให้บริการรับฝากวางเครื่องเซิร์ฟเวอร์ภายในพื้นที่ Data Center โดยผู้ให้บริการ Co-location จะเป็นผู้เตรียมระบบต่างๆ เอง และมีทีมงานคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงเลยล่ะ แล้วทีนี้เราจะเลือกผู้ให้บริการ Co-location ยังไงดีนะ

1. พื้นที่ที่ให้บริการ

เราคงไม่อยากให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรไปอยู่ในความดูแลของผู้ให้บริการ Co-location ที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน สิ่งที่เราควรพิจารณาเกี่ยวกับพื้นที่ที่ให้บริการภายใน Data Center นี้คือ ระบบสำรองไฟและเครื่องสำรองไฟที่พร้อมทำงานและป้องกันไม่ให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่นั้นหยุดชะงักและอาจทำให้เกิดความเสียหายจากการทำงาน ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดี และระบบทำความเย็นที่สามารถดูแลเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ต้องมีพื้นที่ที่สามารถรองรับการขยายพื้นที่ กรณีที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล

2. ช่างผู้เชี่ยวชาญในการดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์

          ในพื้นที่ของ Data Center ที่มีการฝากวางเครื่องเซิร์ฟเวอร์ สิ่งที่ผู้ให้บริการ Co-location นั้นจำเป็นที่จะต้องจัดมีให้นอกจากระบบต่างๆ ภายในห้องเซิร์ฟเวอร์ก็คือวิศวกร ช่างผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่เทคนิคคอยดูแลความเรียบร้อย ตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ ให้คำแนะนำและคำปรึกษา ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ภายในพื้นที่ที่ให้บริการฝากวางเครื่องเซิร์ฟเวอร์

3. มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด

เพราะข้อมูลที่อยู่ภายในห้องเซิร์ฟเวอร์นั้นเป็นข้อมูลสำคัญของแต่ละองค์กรที่ฝากวางเครื่องเซิร์ฟเวอร์เอาไว้ด้วยกัน จำเป็นที่จะต้องมีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยทางออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ภายในเซิร์ฟเวอร์นั้นๆ ได้ นอกจากนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการควบคุม กำหนดสิทธิ์ และกำหนดพื้นที่ในการเข้าใช้บริการภายในห้องเซิร์ฟเวอร์และสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ขององค์กรอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลออกมา

และนี่คือ 3 สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญกับการเลือกผู้ให้บริการ Co-location ที่ดี เพื่อให้ข้อมูลและเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของคุณนั้นปลอดภัย มีระบบการดูแลที่ดี และมีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ให้คุณได้สบายใจ หายห่วง นอกจากนี้ ถ้าหากมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานระบบและการเข้าถึงข้อมูล คุณก็สามารถติดต่อและขอความช่วยเหลือจากทางผู้ให้บริการได้อีกด้วย