posttoday

สถ.สั่งอปท.ทั่วประเทศเร่งกำจัดยุงลายหลังพบแนวโน้มโรคไข้เลือดออกรุนแรง

07 มิถุนายน 2562

อธิบดีสถ. กำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศเร่งดำเนินการป้องกันโรคไข้เลือดออก หลังพบแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ย้ำให้เร่งกำจัดยุงลายพาหะนำโรคในปีนี้

อธิบดีสถ. กำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศเร่งดำเนินการป้องกันโรคไข้เลือดออก หลังพบแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ย้ำให้เร่งกำจัดยุงลายพาหะนำโรค

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปัจจุบันว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค ณ วันที่ 22 พ.ค.2562 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก สะสมรวม 22,203 ราย อัตราป่วย 33.61 ต่อประชากรแสนคน มากกว่าปี พ.ศ. 2561 ในช่วงเวลาเดียวกัน 2 เท่า มีผู้เสียชีวิต 28 ราย อัตราป่วยแล้วเสียชีวิต ร้อยละ 0.13 การกระจายการเกิดโรคไข้เลือดออกรายภาค พบว่า ภาคใต้ มีอัตราป่วยสูงที่สุด เท่ากับ 44.08 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาได้แก่ ภาคกลาง 41.32 ภาคตะวันออก 34.62 และภาคเหนือ 21.52 ส่วนใหญ่พบในกลุ่มอายุ 5 - 14 ปี มีอัตราป่วยสูงสุด คือ 119.17 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาได้แก่กลุ่มอายุ 15 - 34 ปี (46.83) และอายุ 0 - 4 ปี (44.46) ตามลำดับ 

สถ.สั่งอปท.ทั่วประเทศเร่งกำจัดยุงลายหลังพบแนวโน้มโรคไข้เลือดออกรุนแรง

อธิบดี สถ. กล่าวว่า เพื่อเป็นการระมัดระวังและป้องกันปัจจัยเสี่ยงต่อโรค โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และป้องกันการระบาดของโรคติดต่อในระดับพื้นที่ กรมฯ จึงแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ บุคลากรในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานที่ราชการ และศาสนสถาน ให้ทราบถึงอาการสำคัญและวิธีการป้องกันโรค โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการจัดทำแผนงานในการดำเนินงานป้องกันโรคดังกล่าว

ทั้งนี้ ได้กำชับให้อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ร่วมดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ เช่น พิจารณาจัดกิจกรรม Big Cleaning Week ทุกสัปดาห์แรกของเดือนตลอดทั้งปี เพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งบริเวณภายในและภายนอกหน่วยงาน เก็บภาชนะไม่ให้มีที่เพาะพันธุ์ยุง และ ภาชนะเก็บน้ำ ต้องมีฝาปิดให้มิดชิด หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำไม่ให้ยุงลายวางไข่ รวมทั้ง เน้นย้ำพี่น้องประชาชนว่า หากมีอาการเจ็บป่วย ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทานเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและวิธีการรักษาให้ถูกต้องด้วย