posttoday

สมเด็จพระเทพฯ รับสั่งรักษารายงานนักโบราณคดี ทรงห่วงองค์ความรู้สูญหาย ศมส.-กรมศิลป์สแกนไฟล์ดิจิทัลเผยแพร่คลังข้อมูลสาธารณะ

13 กุมภาพันธ์ 2562

จากการที่ตนนำคณะกรรมการบริหารศมส. เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อถวายรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของ ศมส. ในโอกาสนี้ พระองค์ทรงมีรับสั่งถึงการเก็บรวบรวมเอกสารรายงานของนักโบราณคดี

 

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายพีรพน พิสณุพงศ์ ผอ.ศูนย์มานุษยวิทยิรินธร (องคืการมหาชน) (ศมส.) กล่าวว่า จากการที่ตนนำคณะกรรมการบริหารศมส. เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อถวายรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของ ศมส. ในโอกาสนี้ พระองค์ทรงมีรับสั่งถึงการเก็บรวบรวมเอกสารรายงานของนักโบราณคดี ที่จะต้องมีการบันทึกด้วยการแสกนเก็บไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินงานโครงการต่างๆ จนจบโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากหลายพันรายการ แต่อยู่กระจัดกระจายไปตามหอสมุด หอจดหมายเหตุแห่งชาติในพื้นที่ต่างๆ และมีบางส่วนที่เป็นรายงานเรื่องสำคัญถูกทำลายหายไปเพราะเหตุภัยพิบัติ และการเก็บรักษาที่ไม่ดีนัก ทั้งปลวกกิน น้ำท่วม โดยทรงเห็นว่า ควรมีการเก็บรักษา และนำมาเผยแพร่ เพราะรายงานนักโบราณคดีเป็นประโยชน์ต่อการส่งต่อองค์ความรู้ การดำเนินงานของนักโบราณคดีในอดีตสู่ปัจจุบัน ตลอดจนนักศึกษา และผู้สนใจรุ่นต่อๆไป ผอ.ศมส. กล่าวต่อว่า ตนได้ประสานงานไปยัง นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เพื่อหาแนวทางในการรวบรวมข้อมูล อนุรักษ์ และเผยแพร่รายงานของนักโบราณคดีให้เป็นรูปธรรม ซึ่งได้มีการประสานงานต่อไปยังสำนักศิลปากรทั่วประเทศ เพื่อช่วยสำรวจว่ามีจำนวนกี่เรื่อง พร้อมคัดแยก แบ่งหมวดหมู่ และจัดลำดับช่วงเวลาของรายงาน เพื่อให้สามารถนำมารวบรวมได้ง่าย พร้อมกันนี้ยังได้มีแนวทางในการดำเนินงานต่อไป แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. ทาง ศมส. จะโอนงบประมาณไปยังสำนักศิลปากร เพื่อจ้างผู้มีความรู้ความสามารถในการสแกนรายงานนักโบราณคดี เพื่อนำมาจัดเก็บรูปแบบไฟล์ดิจิทัล และ 2. ศมส.จะดำเนินการจ้างผู้มีความรู้ไปทำการสแกนในแต่ละพื้นที่เอง และหลังจากมีการสแกนเอกสารเสร็จแล้ว ทางศมส. จะต้องทำการจำแนกประเภทของงานอีกครั้ง โดยอาจเพิ่มเติมในส่วนการแบ่งพื้นที่จังหวัด และลักษณะการดำเนินงานของนักโบราณคดี ก่อนที่จะนำมาเผยแพร่สาธารณะผ่านฐานข้อมูลสารสนเทศวิชาการทางโบราณคดีในเว็บไซต์ของ ศมส. ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 “สมเด็จพระเทพฯ ทรงมีรับสั่งต่องานของ ศมส. ว่า  การจัดตั้ง ศมส. ขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์เผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการในด้านมานุษยวิทยา พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ในขณะเดียวกัน ในส่วนรายงานของนักโบราณคดี ก็ถือว่ามีความสำคัญและเกี่ยวพันในการทำงานของศมส. และยิ่งนับวันจะเสี่ยงต่อความเสียหาย โดยบางเล่มที่มีการตีพิมพ์เป็นเอกสารทางการแล้วเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ แต่ไม่ได้รับความสนใจ ดังนั้นควรมีการสแกนเก็บไว้ จะเป็นการรักษาองค์ความรู้ ทั้งนี้หากเราทำให้สังคมสามารถสืบค้นข้อมูลเชิงลึก ซึ่งอยู่ในบันทึกของนักโบราณคดีได้ ก็จะทำให้องค์ความรู้ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ที่ถูกบันทึกไว้ได้โดยนักโบราณคดี จนถึงที่สังเคราะห์แล้วเป็นข้อมูลทุติยภูมิ สามารถนำมาใช้งานได้ ไม่ต้องแขวนขึ้นหิ้ง หรือถูกเก็บไว้ในกรุอีกต่อไป” นายพีรพน กล่าว.