อ.ส.ค. จัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ 9 ชูแนวคิด "สืบสาน รักษา ต่อยอด โคนมไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เตรียมจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ชูแนวคิด
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เตรียมจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ชูแนวคิด "สืบสาน รักษา ต่อยอด โคนมไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" Dairy Thailand Towards Sustainable Development Goals (SDGs) เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร "พระบิดาแห่งการโคนมไทย" โดยงานเทศกาลโคนมแห่งชาติประจำปี 2562 จัดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม – 5 กุมภาพันธ์ 2562 ณ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย เชิงเขาตาแป้น อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า สำหรับวันที่ 17 มกราคม ของทุกปีเป็นวันโคนมแห่งชาติ ซึ่ง อ.ส.ค. ได้จัดเทศกาลโคนมแห่งชาติเป็นประจำทุกปี เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ในฐานะ "พระบิดาแห่งการโคนมไทย" ที่ทรงพระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่เกษตรกรไทย ซึ่งถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งต่ออาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทย
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวถึงที่มาของวันโคนมแห่งชาติ ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้เสด็จฯ ประพาสทวีปยุโรปเสด็จไปประทับแรม ณ ประเทศเดนมาร์ก ทรงสนพระทัยในกิจการฟาร์มโคนมของชาวเดนมาร์กเป็นอย่างมาก ด้วยทรงเห็นว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมน่าจะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและประเทศไทยจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ว่าด้วยการร่วมมือด้านวิชาการการเลี้ยงโคนมระหว่างประเทศไทยและประเทศเดนมาร์ก
รัฐบาลเดนมาร์กได้เห็นถึงความสนพระทัยในกิจการฟาร์มโคนมของเดนมาร์ก จึงได้ถวายโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมเป็นของขวัญแด่ทั้งสองพระองค์ เพื่อให้ดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยบรรลุตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ และได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2504 โดยได้ดำเนินการจัดตั้ง "ฟาร์มโคนม" และ "ศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย – เดนมาร์ค" ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ถือเป็นการตอบสนองพระราชปณิธานและความสนพระทัยในอาชีพการเลี้ยงโคนมในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)
หลังจากก่อตั้งกิจการฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์คเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)และสมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 แห่งประเทศเดนมาร์ก ได้ทรงเปิดฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ค อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505 จึงเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของการเลี้ยงโคนมและถือเป็นวันสำคัญต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทย โดยต่อมาในปี พ.ศ. 2514 รัฐบาลไทยได้รับโอนกิจการฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนม ไทย-เดนมาร์ค จัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยใช้ชื่อว่า "องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)" มี สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 160 ถนนมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อดำเนินงานในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมและพัฒนาอุตสาหกรรมนม และคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2530 กำหนดให้วันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เป็นวันโคนมแห่งชาติ หลังจากนั้นทาง อ.ส.ค. ได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง "เทศกาลโคนมแห่งชาติ" ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อระลึกถึงความสำคัญและเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9ตลอดจนเป็นการพบปะสังสรรค์ของผู้ที่อยู่ในวงการโคนมไทย ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอีกด้วย โดยในปี 2562 อ.ส.ค. ได้จัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ขึ้น ภายใต้วัตถุประสงค์ 4 ข้อด้วยกัน คือ
1.เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมแก่พสกนิกรชาวไทย
2. เป็นศูนย์กลางการหาแนวทางในการพัฒนาโคนมในภูมิภาคอาเซียน โดยจัดประชุมและฝึกอบรมระดับนานาชาติภายในงาน
3. เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม 3.1) สนับสนุนนโยบายส่งเสริมการเลี้ยงโคนม และการรณรงค์เพื่อบริโภคนมของรัฐบาล 3.2) เพื่อแสดงความก้าวหน้าทางด้านวิทยาการการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมนมของประเทศ รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่สู่เกษตรกร3.3) เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้แสดงความสามารถในการปรับปรุงพันธุ์โคนม และแสดงศักยภาพในการผลิตน้ำนมดิบของโคนมไทยจากเกษตรกรไทย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าพันธุกรรมโคนม 3.4) เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความรู้ความสามารถในด้านต่างๆพร้อมรับมอบรางวัลทุนการศึกษาโดยจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ อาทิเช่น กิจกรรมแข่งขันปาฐกถาชิงถ้วยรางวัลพระราชทานฯ กิจกรรมแข่งขันกีฬาชิงทุนการศึกษา กิจกรรมสัมมนาวิชาการ กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ ฯลฯ 3.5) เพื่อสนับสนุนเผยแพร่สินค้าของดีจังหวัดสระบุรี ซึ่งก่อให้เกิดรายได้กระจายสู่ท้องถิ่น
4. เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงโคนมและอุตสาหกรรมนม มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ทัศนคติซึ่งกันและกัน
เรียกได้ว่ามางานเดียวได้ทั้งองค์ความรู้ทางด้านวิชาการเลี้ยงโคนม นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยรวบรวมไว้ให้เรียนรู้แบบเบ็ดเสร็จ ณ สถานที่ที่เดียว