"วันนอร์" เปิดตัว "จูฟะห์" ผู้สมัคร กทม.
วันนอร์ เปิดตัว จูฟะห์ ผู้สมัคร กทม.เขตบางกระปิ ชูธงนำพหุวัฒนธรรม
วันนอร์ เปิดตัว จูฟะห์ ผู้สมัคร กทม.เขตบางกระปิ ชูธงนำพหุวัฒนธรรม
นายวันมูฮะหมัดนอ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และวรวีร์ มะกูดี รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาชาติ เขตบางกะปิ ที่อาคารมุสลิมโฮม ซอยรามคำแหง 59 พร้อมกับแนะนำ นางวรลักษณ์ ศรีสอาด หรือจูฟะห์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขตบางกะปิ-พลับพลา (วังทองหลาง) อย่างเป็นทางการ
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวผู้สมัครพรรคประชาชาติทั้งภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)อย่างเป็นทางการ ล่าสุดเปิดตัวผู้สมัครกทม.เขตแรกที่บางกะปิ จากนั้นจะเปิดตัวผู้สมัครกทม.ครับทุกเขต ซึ่งการเปิดสาขาพรรคแต่ละพื้นที่กระแสตอบรับดีมากเพราะผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดทันสมัยและต้องการความเปลี่ยนแปลง ทำให้พรรคมีความมั่นใจว่าจะสามารถกวาดเก้าอี้สส.ทั่วประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 30 ที่นั่งเพราะแต่ละพื้นที่นั้นทางพรรคชูนโยบายการหาเสียงแต่ต่างกันไป เช่น ภาคใต้ ชูนโยบายส่งเสริมงบประมาณ แก้ปัญหายาเสพติด ไม่ทอดทิ้งทุกศาสนา ชาติพันธุ์ ส่วนที่ภาคอีสาน ดันนโยบายภาคเกษตรกรรม และน้ำ คนอีสานต้องได้ระบบน้ำที่ดีเพราะน้ำคือหัวใจสำคัญ ที่ผ่านมาเกษตรกรอีสานทำเกษตรได้ปีละครั้ง แต่หากทุ่มงบฯสร้างระบบน้ำที่ดีจะทำให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรปีละ 3 ครั้ง ขณะที่กรุงเทพมหานคร(กทม.)เน้นนโยบาย พหุวัฒนธรรม เพราะกทม.มีความแตกต่างด้านเชื้อชาติศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ทำให้มนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์ แต่ทุกคนก็คือมนุษย์เหมือนกัน สังคม การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ต้องมีความทัดเทียมกัน
ด้านนางวราลักษ์ ศรีสอาด หรือจูฟะห์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งใจลงสมัคร สส.เขตบางกะปิ ถือเป็นการลงสนามเลือกระดับชาติครั้งแรก เพราะพรรคประชาชาติเปิดโอกาสให้ซึ่งนโยบายของพรรคก็ตรงใจ ซึ่งในช่วงที่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนกว่า 70%พร้อมให้การสนับสนุน แต่หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการทำให้มั่นใจ 100% เพราะถือว่าเป็นผู้หญิงมุสลิมคนแรกที่จะลงสมัครเป็นตัวแทนของประชาชน
"พรรคประชาชาติชูนโยบายที่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะเรื่อง พหุวัฒนธรรม ที่ไม่ว่าคนในสังคมจะมีความแตกต่างในเรื่องใดๆ ก็แล้วแต่ กระนั้นพวกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ซึ่งพื้นที่ของเราเองคือเขตบางกระปิ-วังทองหลาง มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่เขาสามารถอยู่ร่วมกันได้ "
ทั้งนี้โดยเฉพาะบริเวณ วัดเทพลีลา หรือวัดตึก ที่มีชุมชนมุสลิม ซึ่งมีความแตกต่างทางด้านศาสนา และอยู่ติดกับวัดตึก เขาก็มาจากทางใต้ทางมลายู แต่เขาก็อยู่ร่วมกันได้ ส่วนปัจจุบันคนในพื้นที่ เช่น บริเวณตลาดบางกระปิ ไม่ใช่เฉพาะแค่มลายู แต่ยังมีคนต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ตลาดบางกระปิจำนวนมาก แต่ก็อยู่ร่วมกันได้ ดังนั้นแนวนโยบายของพรรคคือ พหุวัฒนธรรม จึงเป็นนโยบายที่โดนใจเรา นอกจากนี้ พรรคประชาชาติยังให้โอกาสให้สิทธิเสรีภาพกับบุคคลต่างๆ ที่มีความหลากหลายในเชื้อชาติให้เข้ามามีบทบาท ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารพรรค หรือผู้สมัคร สส.ก็ตาม สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้พรรคประชาชาติแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ
อย่างไรก็ตามพรรคประชาชาติเป็นพรรคใหม่ แต่พื้นที่ บางกะปิ วังทองหลาง มีทีมงานที่เป็นอดีต สข. ประมาณ 4-5 คน ที่เคยอยู่กับพรรคการเมืองใหญ่ 2-3 พรรค แต่ปัจจุบันได้ย้ายมามาช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ สาเหตุเป็นเพราะอดีต สข.เหล่านั้นเขาคือญาติพี่น้องา และที่ผ่านมาได้ทำงานในพื้นที่จริงๆ จึงรู้ปัญหาในพื้นที่ เมื่อประชาชนมีปัญหาในพื้นที่ กลับไม่ได้วิ่งไปหาพรรคต้นสังกัด แต่วิ่งมาอดีตสข. ทำให้ได้สัมผัสกับประชาชนจริงๆว่าต้องการอะไรในวาระเร่งด่วน