posttoday

เมทิเยร์ เดอ'อาร์ต จากบลองแปง แด่สุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณ

19 พฤศจิกายน 2561

แบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดตัวนาฬิกาเมทิเยร์ เดอ'อาร์ต (Métiers d'Art) สี่เรือนสุดพิเศษในชุดสุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมอันร่ารวย และประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นของประเทศจีน

 

บลองแปง (Blancpain) แบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดตัวนาฬิกาเมทิเยร์ เดอ'อาร์ต (Métiers d'Art) สี่เรือนสุดพิเศษในชุดสุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมอันร่ารวย และประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นของประเทศจีน โดยนาฬิกาชุดนี้ยังเป็นการยืนยันถึงความสามารถในการใช้เทคนิคการตกแต่งขั้นสูงด้วยมือจากบลองแปงอีกด้วย

สี่สุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอิสตรีที่เลอโฉมที่สุดแห่งยุค ไล่เรียงมาตั้งแต่ยุควสันตสารท (722 - 481 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220 - 280) ยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (206 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 9) และยุคราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 - 907) นอกเหนือจากรูปโฉมที่แสนงดงามหมดจด เสียงเล่าลืออันโด่งดังของอิสตรีเหล่านี้คือความเลอโฉมของนางมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ปกครองแผ่นดินในช่วงนั้นๆหรืออาจกล่าวได้ว่ามีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์โดยรวมของประเทศจีนนั่นเอง

บลองแปงตัดสินใจเลือกตีความเรื่องเล่าขานของสี่สุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณผ่านศิลปะบนหน้าปัดของนาฬิกาโดยการใช้เทคนิคขั้นสูงผ่านฝีมือของช่างผู้ชานาญการจากเวิร์กช็อปเมทิเยร์ เดอ'อาร์ตของแบรนด์ในเลอ บราซู (Le Brasus) หมู่บ้านเล็กๆท่ามกลางหุบเขาวัลเลย์ เดอ ฌูซ์ (Valleé de Joux) สถานที่ซึ่งบลองแปงใช้เป็นแหล่งสืบทอดวิถีแห่งช่างศิลป์จากรุ่นสู่รุ่น โดยนาฬิกาทุกเรือนจากชุดสุดพิเศษนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคนิคเชิงศิลป์อันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการลงยาแบบฌองลีฟ (Champlevé), งานแกะสลัก, ชาคูโด (Shakudō), งานไม้ประดับ หรือการวาดภาพผ่านการลงยาที่สวยงาม

ไซซี (Xi Shi)

ไซซี คือ อิสตรีคนแรกจากสี่สุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณที่มีชีวิตอยู่ในยุควสันตสารท นางเกิดที่หมู่บ้านบนหุบเขาในรัฐเยว่หรือมณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน ภาพของไซซีนั้นเป็นภาพในอิริยาบทที่นางกาลังซักเสื้อผ้าในลาธารใกล้ที่พัก ด้วยสิริโฉมที่งดงามของไซซี แม้แต่ฝูงปลาใต้น้าที่มองเห็นยังลืมวิธีการว่ายน้าของตัวเอง

ในการรังสรรค์ภาพดังกล่าว ช่างศิลป์ของบลองแปงมุ่งเน้นไปที่การใช้เทคนิคการลงยากรองด์ เฟอ ฌองลีฟ (Grand Feu Champlevé Enamel) เป็นพิเศษเพื่อให้ได้แสงที่มีมิติ และสีสันอันหลากหลาย โดยนาทองคามาประกอบทีละส่วน และแกะสลักด้วยมือก่อนลงยาในจุดที่กาหนดด้วยพู่กันซ้าไปซ้ามาหลายชั้น การลงยาที่ใช้กรรมวิธีเคลือบแบบกรองด์ เฟอนั้นต้องใช้อุณหภูมิประมาณ 800 องศาเซลเซียสภายในตู้อบเพื่อการเคลืบผิว อีกทั้งยังใช้การลงยาแบบโปร่งแสงบริเวณลาธารเพื่อให้ดูเหมือนสายน้าที่ใสสะอาด และเมื่อแสงตกกระทบบริเวณหน้าปัดนาฬิกาในมุมที่แตกต่างกัน จะเห็นงานแกะสลักรูปปลาคาร์ฟอยู่ภาพใต้งานลงยาเสมอเหมือนฝูงปลาที่แหวกว่ายใต้ผิวน้า

เตียวเสี้ยน (Diao Chan)

เตียวเสี้ยนมีความแตกต่างจากอิสตรีนางอื่นในกลุ่มสุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณ เนื่องจากเตียวเสี้ยนเป็นเพียงแค่ตัวละครจากวรรณกรรมเรื่องสามก๊กซึ่งเป็นเรื่องราวในสมัยสิ้นสุดยุคราชวงศ์ฮั่น เตียวเสี้ยนใช้เสน่ห์ของนางเพื่อกาจัดขุนนางที่อยู่เบื้องหลังการตายของพ่อแม่ ว่ากันว่าความงามที่เปล่งประกายของเตียวเสี้ยนนั้นถึงกับทาให้ดวงจันทร์ต้องสิ้นแสงหมดรัศมี

หน้าปัดลวดลายเตียวเสี้ยนเป็นการรวมเทคนิคขั้นสูงไว้หลากหลายเทคนิค ซึ่งเทคนิคที่โดดเด่นได้แก่ ชาคูโด (Shakudō) และงานแกะสลัก ชาคูโด คือ โลหะผสมระหว่างทองคา และทองแดงถูกนามาใช้เป็นเบสของหน้าปัด โดยนามาแช่ในสารเคมีชนิดพิเศษที่เรียกว่า โรคูโช (Rokushō) ทาให้เกิดปฏิกิริยากลายเป็นพาติน่า (Patina) สีเข้มในเฉดสีน้าตาล สีน้าเงิน และสีดาชวนให้นึกถึงสีของท้องฟ้าช่วงเวลาพลบค่า ทองคาแดง และเหลืองถูกนามาแต่งแต้มด้วยวิธีการแกะสลักหรือลงสีแบบโบราณเพื่อทาให้ตัวเตียวเสี้ยที่กาลังสวดภาวนาภายใต้จันทราที่ทาจากเปลือกหอยมุกมาเธอร์ ออฟ เพิร์ล (Mother-of-pearl) ดูเป็นภาพสามมิติ

หวังเจาจวิน (Wang Zhaojun)

อิสตรีคนที่สามแห่งสุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณ หวังเจาจวินมีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตกโดยเป็นหนึ่งในนางกานัลแห่งวังหลวงของจักรพรรดิหยวน ด้วยความยินยอมของนาง จักรพรรดิได้ส่งหวังเจาจวินให้หู ฮันเซีย ผู้ปกครองชนเผ่าซง-หนูเพื่อผูกสัมพันธ์ มีเรื่องเล่าขานกันว่าความงดงามของนางทาให้นกที่กาลังบินอยู่นั้นร่วงหล่นลงมาจากท้องนภา

เรือนเวลาที่ออกแบบเพื่อหวังเจาจวินนั้นเป็นภาพในขณะที่นางกาลังเดินทางแยกออกจากกลุ่มของตนเอง ช่างศิลป์ของบลองแปงได้รังสรรค์ทิวทัศน์ของเทือกเขาที่เต็มไปด้วยหิมะบนหน้าปัดทองคาโดยใช้เทคนิคงานไม้ประดับชั้นสูงประกอบกับการลงยากรองด์ เฟอ ฌองลีฟ และการแกะสลักบนทองคา และเปลือกหอยมุกมาเธอร์ ออฟ เพิร์ล ด้วยการใช้วัสดุ และสีสันที่หลากหลายทาให้ภาพของหวังเจาจวินที่มือถือผีผา (Pipa) และสวมเสื้อคลุมสีแดงสุดสง่ามีความโดนเด่นสวยงาม

หยางกุ้ยเฟย (Yang Guifei)

เมทิเยร์ เดอ'อาร์ต จากบลองแปง แด่สุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณ

หยางกุ้ยเฟยเป็นพระสนมเอกในจักรพรรดิถังเสวียนจงแห่งราชวงศ์ถัง ช่วงเวลาที่นางมีชีวิตอยู่นั้นเป็นช่วงที่ผู้คนเปิดกว้าง และสังคมมีความสงบสุข หยางกุ้ยเฟยไม่ได้มีเพียงแค่รูปโฉมอันแสนงดงามที่แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอายเพียงอย่างเดียว แต่นางยังมีความสามารถเป็นเลิศทางด้านการเต้นรา และดนตรีอีกด้วย

บลองแปงได้ออกแบบภาพบนหน้าปัดหยางกุ้ยเฟยด้วยลักษณะเชิงพรรณาชวนฝันเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา สีแต่ละสีถูกแต่งแต้มด้วยเทคนิคการลงยาผ่านการเผาหลายครั้ง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจาเป็นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก ไล่ตั้งแต่การตระเตรียมพื้นผิวโดยนาหน้าปัดทองคาไปเคลือบทั้งสองด้านหลายๆชั้นป้องกันความผิดเพี้ยน หลังจากนั้นนามาขัดให้ได้พื้นผิวที่เรียบแบนซึ่งเหมาะแก่การรองรับเม็ดสีได้เป็นอย่างดี

เรือนเวลาทั้งสี่เรือนที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อระลึกถึงสี่สุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณนั้นมาในตัวเรือนทองคาแดง (Red Gold) ขนาด 42 มม. ซึ่งถือเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุดสาหรับนาฬิกาที่มีหน้าปัดเชิงศิลป์ ภายในบรรจุกลไกคาลิเบอร์ 13R3A ขึ้นลานด้วย
Website: www.blancpain.com  / Press Lounge: http://press.blancpain.com  / Blancpain TV: www.blancpain.tv 
มือพร้อมพลังงานสารอง 8 วัน ด้านหลังโชว์เครื่องสวยงามแกะสลักลวดลายโคตส เดอ เฌแนฟ (Côtes de Genève) และการแกะสลักด้วยมือเพื่อเก็บเหลี่ยมมุมแสนปราณีตไม่แพ้ลวดลายบนหน้าปัด

เมทิเยร์ เดอ'อาร์ต จากบลองแปง แด่สุดยอดหญิงงามแห่งดินแดนจีนโบราณ