คจ.สช. ชู 4 ร่างระเบียบวาระ เดินหน้าจัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 11

สมัชชาสุขภาพ เกิดขึ้นจากบทบัญญัติของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ได้รับการออกแบบให้เป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานโยบายสาธารณะ มีเป้าหมายและทิศทางที่จะนำไปสู่การมีสุขภาวะของทุกคนในสังคม ซึ่งในพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติได้กำหนดให้มีการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยมีการจัดอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน ปี พ.ศ.2551 และจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบายที่เรียกว่า "มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ" รวมทั้งหมด 77 มติ

สำหรับการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ที่จะจัดขึ้นในปีนี้ นพ.กิจจา เรืองไทย ประธานกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) พ.ศ.2561-2562 เปิดเผยว่า มีทั้งสิ้น 4 ร่างระเบียบวาระ ประกอบด้วย 1.ความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ (Health Literacy for NCDs) 2.การสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะในเขตเมืองเพื่อสุขภาวะสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 3.ความรับผิดชอบร่วมทางสังคมเกี่ยวกับอีสปอร์ตต่อสุขภาวะเด็ก (E-Sport : Social Responsibility for Child  Health) และ 4.การพัฒนาระบบคุ้มครองผู้บริโภคทางทันตกรรม

นพ.กิจจา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ร่างระเบียบวาระ  ความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ (Health Literacy for NCDs) มีความสำคัญเนื่องจากกลุ่มโรคนี้ได้กลายเป็นปัญหาวิกฤตสุขภาวะที่ทั่วโลกรวมถึงไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะ 4 โรคหลัก คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรค NCDs ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และแม้ว่าจะมีข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพมากมายในเรื่องโรค NCDs หากแต่ยังไม่นำไปสู่การปรับพฤติกรรมของคนไทยเท่าที่ควร ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจึงเสนอประเด็นนี้เข้าเป็นหนึ่งในร่างระเบียบวาระสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ

สำหรับ ร่างระเบียบวาระ การสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะในเขตเมืองเพื่อสุขภาวะสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาพื้นที่สาธารณะให้มีมากขึ้น โดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในมิติต่างๆ เช่น พื้นที่ใต้ทางด่วน พื้นที่ว่างหน้าห้างสรรพสินค้า ลานวัด พื้นที่รกร้างในหมู่บ้าน เป็นต้น ซึ่งพื้นที่สาธารณะนั้น ไม่จำกัดเฉพาะการพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่นันทนาการเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงพื้นที่เพื่อการดูแลฐานทรัพยากรหรือชุมชน พื้นที่ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่สาธารณะยังขาดการมองภาพรวม ขาดการมีส่วนร่วม จึงจำเป็นต้องหาทางบูรณาการการทำงานของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ส่วน ร่างระเบียบวาระ ความรับผิดชอบร่วมทางสังคมเกี่ยวกับอีสปอร์ตต่อสุขภาวะเด็ก (E-Sport : Social Responsibility for Child Health) เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญค่อนข้างมาก โดยก่อนหน้านี้ได้มีมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 เรื่อง การจัดการสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก 24 ชั่วโมง : กรณีเด็กไทยกับไอที เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาวะของเด็กและเยาวชนโดยตรง ซึ่งบางส่วนมีข้อกังวลว่าบางเกมอาจมีความรุนแรงและมีการพนันออนไลน์แอบแฝง อย่างไรก็ดี เนื่องจากกระแสโลกและกระแสสังคมไทยในปัจจุบัน บางส่วนจึงมองว่าอีสปอร์ตก็เป็นโอกาสในหลายๆ ด้าน จึงนำมาสู่การเสนอประเด็นนี้เข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการหาฉันทามติร่วมกัน

และสุดท้าย ร่างระเบียบวาระ การพัฒนาระบบคุ้มครองผู้บริโภคทางทันตกรรม สืบเนื่องมาจากปัญหาด้านทันตกรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ความนิยมในการจัดฟันแฟชั่น การทำฟันปลอมเถื่อน เพราะประชาชนส่วนมากมีปัญหาด้านค่าใช้จ่ายและความสะดวกในการเข้ารับบริการทันตกรรมของภาครัฐและเอกชน จึงหันไปพึ่งบริการทางทันตกรรมที่ไม่ปลอดภัย จนก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพตามมาอีกหลายอย่าง เช่น ฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ทั้งยังมีความเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งในช่องปากจากการใส่ฟันเทียมเถื่อนที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งการนำประเด็นเข้าสู่สมัชชาสุขภาพ จะช่วยแก้ปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการทันตกรรมของประชาชนในกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ให้ได้รับบริการที่มีมาตรฐานเท่าเทียมและเป็นธรรม

ทั้ง 4 ร่างระเบียบวาระเป็นประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่จะมีการพิจารณาหาทางออกร่วมกันใน การประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 11 ภายใต้แนวคิดหลัก คือ "รู้เท่าทันสุขภาพ ร่วมสร้างสังคมสุขภาวะ" ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12–14 ธันวาคม พ.ศ.2561 ณ ศูนย์ประชุมวายุภักดิ์ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ