posttoday

มท.เพิ่มตำแหน่งท้องถิ่นระดับผอ.สร้างขวัญกำลังใจข้าราชการทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข

21 กันยายน 2561

มหาดไทยอนุมัติสถ.เพิ่มตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัดระดับผู้อำนวยการสูงและผอ.กลุ่มงานชำนาญการพิเษทั่วประเทศสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการมีเส้นทางเติบโตทำหน้าที่เพื่อประชาชน

มหาดไทยอนุมัติสถ.เพิ่มตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัดระดับผู้อำนวยการสูงและผอ.กลุ่มงานชำนาญการพิเษทั่วประเทศสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการมีเส้นทางเติบโตทำหน้าที่เพื่อประชาชน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุม อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย ได้มีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัด จำนวน 15 ตำแหน่ง และผู้อำนวยการกลุ่มงานของสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด จำนวน 157 ตำแหน่ง รวม 172 ตำแหน่งได้ ตามที่คณะกรรมการกำหนดตำแหน่งระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ แบ่งเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงานมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (นักส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) จำนวน 45 ตำแหน่ง  ตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงานกฎหมาย ระเบียบ และเรื่องร้องทุกข์ (นิติกร) จำนวน 56 ตำแหน่ง ตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงานการเงิน บัญชี และการตรวจสอบ (นักวิชาการเงินและบัญชี) จำนวน 56 ตำแหน่ง

การอนุมัติปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งส่งผลให้ตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัด และตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงานของสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดได้กำหนดเป็นตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง  และประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ ครบถ้วนทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ข้าราชการสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้มีเส้นทางความก้าวหน้า (Career Path) ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ชัดเจน เสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อ“บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”ให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งระดับตำแหน่งก็จะได้มีความสอดคล้องกับภาระงานในส่วนภูมิภาคที่มีปริมาณ และมีความยุ่งยากซับซ้อนของงานที่เพิ่มสูงมากขึ้น อันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และการให้บริการประชาชนได้อย่างแท้จริง

หลังจากนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะเร่งดำเนินกระบวนการแต่งตั้ง ทั้งในเรื่องการย้าย และการคัดเลือกเพื่อสอบเลื่อนระดับตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการที่ก.พ.กำหนดไว้ด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรม ตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) โดยจะให้แล้วเสร็จภายในกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2562