posttoday

ซีพีเอฟเสริมแกร่งชุมชนพึ่งพาตนเอง ดีเดย์มอบเงินกองทุนชุมชนป่าชายเลน ต.บางหญ้าแพรก สมุทรสาคร

18 กันยายน 2561

ซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสริมชุมชนมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศอย่างยั่งยืน  ประเดิมส่งมอบเงิน "กองทุนชุมชนป่าชายเลน โครงการปลูก ปัน ป้องป่าชายเลน ต.บางหญ้าแพรก  สมุทรสาคร" เพื่อเป็นกองทุนหมุนเวียนใช้ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน

 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสริมชุมชนมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศอย่างยั่งยืน  ประเดิมส่งมอบเงิน "กองทุนชุมชนป่าชายเลน โครงการปลูก ปัน ป้องป่าชายเลน ต.บางหญ้าแพรก  สมุทรสาคร" เพื่อเป็นกองทุนหมุนเวียนใช้ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน  และเป็นแหล่งเงินทุน พัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้   ให้แก่สมาชิกกองทุนฯเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น   

นายอุทัย เล็กประเสริฐ  ประธานคณะกรรมการกองทุนชุมชนป่าชายเลน ตำบลบางหญ้าแพรก  กล่าวว่า  ชาวชุมชนตำบลบางหญ้าแพรก  รู้สึกภาคภูมิใจที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติม โดยร่วมดำเนินโครงการ  “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” ช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์กลับสู่ระบบนิเวศและชายฝั่ง  ซึ่งในวันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ทางซีพีเอฟได้มอบเงินกองทุนชุมชนป่าชายเลนฯ จำนวนเงิน  2.2 แสนบาท  ให้กับคณะกรรมการชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อเป็นกองทุนหมุนเวียนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนอย่างยั่งยืน   

 นอกจากนี้  เพื่อสนับสนุนให้คนในชุมชนตำบลบางหญ้าแพรกเข้ามามีส่วนร่วม กองทุนฯจะเปิดรับสมัครสมาชิก โดยสมาชิกแต่ละคนจะถือหุ้นอย่างน้อย 1 หุ้น แต่ไม่เกิน 50 หุ้น ราคหุ้นละ 100 บาท โดยสมาชิกกองทุนจะได้รับสิทธิในการกู้ยืมเงินเพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาอาชีพ รวมทั้งมีเกณฑ์ในการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี เมื่อสิ้นปีทางบัญชีของกองทุนปิดบัญชีตามมาตรการทางบัญชีแล้ว หากมีกำไรสุทธิ คณะกรรมการกองทุนจะนำกำไรมาจัดสรร เป็นเงินเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้กู้ เป็นทุนเพื่อจัดสวัสดิการให้แก่สมาชิก เป็นทุนเพื่อสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน เป็นต้น    

"กองทุนชุมชนป่าชายเลน โครงการปลูก ปัน ป้องป่าชายเลน ต.บางหญ้าแพรก  สมุทรสาคร จะเป็นแหล่งเงินทุนให้กับคนในชุมชนตำบลบางหญ้าแพรก เพื่อใช้ดูแลป่าชายเลนและรักษาสมดุลของระบบนิเวศในระยะยาว" ประธานคณะกรรมการกองทุนชุมชนป่าชายเลน ต.บางหญ้าแพรก กล่าว             

ด้าน นายปรีชา มีนิล  รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ป่าชายเลน จ.สมุทรสาคร   กล่าวว่า  กองทุนชุมชนป่าชายเลนฯ สะท้อนความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือที่เข้มแข็งของชาวชุมชนตำบลบางหญ้าแพรก  และความตั้งใจจริงของหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลน รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ ขยายผลสู่การส่งมอบกองทุนชุมชนป่าชายเลน เป็นกองทุนแรกที่จะเป็นต้นแบบให้กับโครงการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป     

"กองทุนฯ จะเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับสมาชิก ในการลงทุนพัฒนาอาชีพ  สร้างงานและสร้างรายได้ เพื่อนำไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สมาชิก   นอกจากนี้ เป็นการสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองให้กลุ่มสมาชิกป่าชายเลนในการพัฒนาความคิดริเริ่มเสริมสร้างศักยภาพตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" นายปรีชา กล่าว 

ซีพีเอฟ ดำเนินกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 (สมุทรสาคร) ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่ปี 2557-2561 เพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนได้ 104 ไร่ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชาวชุมชนต.บางหญ้าแพรก ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณนี้ เป็นต้นแบบการอนุรักษ์ป่าชายเลนให้กับชุมชนอื่น ๆ 

นายปรีชา  กล่าวเพิ่มเติม บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ

ที่สนใจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชน ต.บางหญ้าแพรก  อาทิ การทำนาเกลือ

บ้านทำขนมหวาน ประดิษฐ์เรือจำลอง (เรือจิ๋ว) ฯลฯ เพื่อสนับสนุนให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวมาใช้ในการดูแลป่าชายเลนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้  ชุมชนยังมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากภูมิปัญญาของชุมชน  โดยรวมตัวกันเปิดสถานีส่งเสริมอาชีพชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลน เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา เช่น การทำถ่านไบโอชาร์ ปุ๋ยชีวภาพ ปลูกผักปลอดสารพิษ ทำผลิตภัณฑ์จากถ่านไบโอชาร์ นำพืชป่าชายเลนมาแปรรูปเป็นอาหาร  ฯลฯ

 ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ "ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน" ตั้งแต่ปี  2557-2561 โดยร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)  สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) และเครือข่ายภาคประชาสังคม ปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ 5 แห่ง คือ จังหวัดระยอง  จังหวัดสมุทรสาคร  จังหวัดชุมพร  จังหวัดสงขลา และจังหวัดพังงา  รวมพื้นที่ที่ร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลนทั้งสิ้น  2,343 ไร่ และพื้นที่ปลูกใหม่ 325 ไร่  และเป็นโครงการที่สอดรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs Goal)  ในประเด็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับชุมชนและภาคีเครือข่ายอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทั้งในพื้นที่รอบสถานประกอบการและพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ./