posttoday

ภาพยนตร์คลุกวงใน ตลอด 55 วัน ของ "ก้าวคนละก้าว"

15 สิงหาคม 2561

ก้าวคนละก้าว ร่วมกับ จีดีเอช และ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เชิญชวนคนไทยร่วมชมภาพยนตร์ "2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว" ภาพยนตร์คลุกวงในตลอด 55 วัน

 

ก้าวคนละก้าว ร่วมกับ จีดีเอช และ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เชิญชวนคนไทยร่วมชมภาพยนตร์ "2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว" ภาพยนตร์คลุกวงในตลอด 55 วัน ของ ก้าวคนละก้าว ที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภาพจากกล้องตัวเดียวของทีม GDH ที่ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนให้ได้ชมกันครั้งแรก เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำความดี ก้าวนี้..เพื่อศิริราช ด้วยการบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป โดยมี คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ "2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว" ให้คนไทยได้ชมฟรีจำนวน 720,000 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และโรงภาพยนตร์ ในเครือ เอส เอฟ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2561 เป็นต้นไป  จันทร์-ศุกร์ ฉายให้ชม 1 รอบ และเสาร์-อาทิตย์ ฉายให้ชม 2 รอบ

สำหรับผู้ชมและผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ กล่องรับบริจาคตรงเคาน์เตอร์โรงภาพยนตร์ และสามารถโอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ศิริราช เลขบัญชี 016-3-04556-7 กระแสรายวัน ชื่อบัญชี เพื่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วย อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช หรือผ่านทาง คิว อาร์ โคด ผ่าน Mobile Banking และ SMS บริจาคครั้งละ 10 บาท โดยพิมพ์ T แล้วกด 4545099( เริ่มบริจาคทาง SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน นี้)

ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย กล่าวว่า "ในนามโครงการก้าวคนละก้าว ผมคงไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถตอบแทนน้ำใจของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมก้าวไปด้วยกันจนสามารถระดมเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งกว่า 1,400 ล้านบาท เหนือสิ่งอื่นใด คือ กำลังใจจากพี่น้องชาวไทยทุกๆ คน ที่ทำให้โครงการก้าวคนละก้าว ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และหากเพื่อเป็นการขอบคุณ ผมและทีมก้าวคนละก้าวได้ร่วมกับ จีดีเอช ทำภาพยนตร์คลุกวงใน เรื่อง "2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว" เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่พี่น้องชาวไทยทุกคน เพื่อสร้างและสานต่อแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อผู้อื่น โดยจะเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของผมและทีมงานก้าวคนละก้าวตลอดโครงการ ซึ่งมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง พวกเราหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนได้ลุกขึ้นมาทำตามความฝัน ได้เริ่มดูแลสุขภาพของตัวเอง และได้รับพลังงานดีๆ ที่จะทำสิ่งดีๆ ทั้งเพื่อตนเอง และเพื่อผู้อื่นต่อไป สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทีมงานก้าวคนละก้าว ทีมผู้สร้างจีดีเอช และ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทยด้วยครับ”

ภาพยนตร์คลุกวงใน ตลอด 55 วัน ของ "ก้าวคนละก้าว"

วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ โปรดิวเซอร์ จีดีเอช กล่าวว่า "ตูนกับทีม ก้าวคนละก้าว เคยเข้ามาคุยกับเราตอนที่เขาวิ่งที่บางสะพาน แล้วมีฟุตเทจเยอะมาก อยากให้ทางเราช่วยนำมาตัดเป็นบันทึกความทรงจำ หรือจะทำเป็นหนังก็ได้ ตอนนั้นวันกับพี่เก้ง-จิระ มะลิกุล เคยไปร่วมวิ่งกับตูนด้วย เรารู้สึกว่าการวิ่งของตูนครั้งนั้นเป็นเรื่องราวที่ดีมาก เราชอบเรื่องราวข้างทาง คนรอบข้างที่เข้ามาบริจาค เรารู้สึกว่าน่ารัก มีแต่พลังงานดีๆ เข้ามา เลยคุยกับตูนว่ามีโปรเจกต์ที่จะวิ่งครั้งต่อไปอีกไหม พอตูนเล่าว่าจะมีโครงการวิ่ง 2,000 กิโลจากใต้สุดไปเหนือสุด เป็นการวิ่งทั่วประเทศเพื่อ 11 โรงพยาบาล พอฟังแล้วเรารู้สึกทึ่งมาก ทึ่งในความคิด และทึ่งในหัวใจของเขา รู้สึกดีใจจังเลยที่ตูนมาชวนให้เราทำหนังเรื่องราวดีๆ แบบนี้ เลยขอตูนว่า ทางเราขอถ่ายการวิ่งครั้งใหม่ดีกว่า เพราะการทำหนังต่างจากการบันทึกไลฟ์ เราขอมีผู้กำกับ และช่างภาพของเราเองตามไปบันทึกเรื่องราวของตูน เราได้ผู้กำกับใหม่ ไก่-ณฐพล บุญประกอบ ที่เคยทำงานกับจีดีเอช และเขาไปเรียนต่อที่นิวยอร์คด้านสารคดี เขาบินกลับมาทันทีที่รู้ว่าจะได้ร่วมทำโปรเจกต์หนังเรื่องนี้ ร่วมกับน้องๆ อีก 5 คน เพื่อตามไปถ่ายทำเรื่องราวการวิ่งตลอด 55 วัน จากใต้จรดเหนือ ในแบบที่ไม่ได้เห็นในไลฟ์มาก่อน เป็นการทำงานที่ทีมกล้องถ่ายไป ทีมตัดต่อก็ตัดไป ใช้เวลาเกือบ 3 เดือน กับฟุตเทจที่ส่งกลับมาเป็นจำนวนมาก กว่าจะได้เวอร์ชั่นหนังที่ลงตัวที่สุด เมื่อหนังเสร็จสมบูรณ์แล้วเราก็ปรึกษากันว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากประชาชนทุกคนที่ร่วมบริจาค ดังนั้นทุกคนคือเจ้าของหนังเรื่องนี้ที่จะได้ชมฟรี เพื่อเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำดี ที่ตูนเคยทำมาแล้วครั้งแรก คือวิ่งที่บางสะพาน วิ่งครั้งที่สองเพื่อ 11 โรงพยาบาล และวิ่งครั้งที่สาม คือ ใช้หนังเป็นตัวขับเคลื่อนส่งต่อเรื่องราวดีๆ ความทรงจำดีๆ เพื่อให้ทุกคนมาร่วมบริจาค ทำสิ่งดีๆ ร่วมกันอีกครั้ง"

ไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า "ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมทำงานโปรเจกต์หนังเรื่องนี้ ตอนแรกตั้งใจว่าจบแล้วจะทำงานอยู่ที่นิวยอร์กสักพัก แต่พอพี่วัน พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล โทรมาว่ามีโปรเจกต์หนังวิ่งของพี่ตูน ผมตัดสินใจบินกลับมาทันที “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมได้มากำกับ ได้มาทำโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเรา เป็นการบันทึกเรื่องราวจากเหตุการณ์จริง การวิ่งของพี่ตูน จากเบตง-แม่สาย มันเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ เป็นงานที่ท้าทายผมมากเพราะเป็นภาพยนตร์ที่มีความผูกพันต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ และยังฉายในโรงภาพยนตร์ ถึงแม้ว่าเรื่องราวตลอดการวิ่งของพี่ตูนจะได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ไปแล้ว แต่ความพิเศษของหนังเรื่องนี้ยังไม่เคยถูกถ่ายทอดที่ไหนมาก่อน จะเป็นการเรียบเรียงภาพเหตุการณ์ต่างๆ  บทสนทนาระหว่างเพื่อนๆ การพูดคุยกับครอบครัว ความประทับใจตลอดเส้นทางการวิ่ง ให้ผู้ชมได้รับรู้ในแง่มุมที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน 55 วันของการวิ่งเป็นประสบการณ์ และความทรงจำที่ดีสำหรับผม เหมือนผมได้รับปริญญาอีกหนึ่งใบ เป็นปริญญาที่ผมได้ร่วมวิ่งไปกับหนังเรื่องนี้ หนังที่ให้พลังงานดีๆ กับเราตลอดการทำงาน ในมุมของคนทำหนังผมก็แค่หวังว่า หนังเรื่องนี้จะสามารถส่งต่อแรงบันดาลใจบางอย่างให้กับผู้ชมครับ"

นิพนธ์ รักศรีอักษร รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า "กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัทของคนไทยที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย มุ่งดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ได้ร่วมสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อขอรับบริจาคนำรายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งกิจกรรมที่โครงการก้าวคนละก้าวจัดขึ้นในครั้งนี้ ได้สอดคล้องกับกิจกรรมที่บริษัทได้ดำเนินในด้านการศึกษาและสาธารณสุข ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้คนไทยมีการศึกษาและคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับการสนับสนุนครั้งนี้บริษัทฯ  ได้ร่วมสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” จำนวน 720,000 ที่นั่งให้ชาวไทยทั่วทั้งประเทศได้เข้าชมฟรี  และผมหวังว่า เมื่อทุกท่านได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว จะได้รับแรงบันดาลใจในการส่งต่อความดีไปสู่คนรอบข้างและสังคมต่อไป และอยากเชิญชวนให้ทุกท่านที่มาร่วมชมภาพยนตร์ช่วยกันบริจาคเพื่อแสดงพลังของคนไทยเพื่อคนไทยกันอีกครั้งครับ"

ภาพยนตร์คลุกวงใน ตลอด 55 วัน ของ "ก้าวคนละก้าว"