posttoday

พิพัฒ พะเนียงเวทย์ ชู‘ทันสมัย’ย้ำความสำเร็จ‘มาม่า’

27 ธันวาคม 2560

หากพูดถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคงไม่มีใครไม่นึกถึงแบรนด์ "มาม่า" เพราะนอกจากจะเป็นผู้นำในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว "มาม่า"

โดย...จะเรียม สำรวจ

หากพูดถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคงไม่มีใครไม่นึกถึงแบรนด์ "มาม่า" เพราะนอกจากจะเป็นผู้นำในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว "มาม่า" ยังเป็นชื่อเรียกแทนสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ผู้บริโภคชาวไทยเรียกกันจนติดปาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม "มาม่า" จึงยังเป็นผู้นำในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 46-47%

จากความสำเร็จที่ได้รับมาตลอด 45 ปี ทำให้ "มาม่า" ต้องตอกย้ำความสำเร็จด้วยการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำนวัตกรรมและความทันสมัยเข้ามาช่วยในการทำตลาด เพื่อให้สินค้ารสชาติใหม่ที่ผลิตเข้ามาทำตลาดตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และสิ่งที่จะพาไปสู่เป้าหมายความสำเร็จได้คือการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคก่อนพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ๆ

พิพัฒ พะเนียงเวทย์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า กล่าวว่า การทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปัจจุบันเทียบกับช่วงเริ่มต้นของธุรกิจ ปัจจุบันถือว่าการทำตลาดมีความยากกว่า เนื่องจากผู้เล่นในตลาดมีมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะแข่งกับผู้ประกอบการในประเทศแล้ว ยังต้องแข่งกันกับผู้ประกอบการที่นำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดในไทยอีกด้วย

ถึงแม้ว่าการทำตลาดในปัจจุบันจะมีความยากมากขึ้น แต่สิ่งที่ยากไปกว่านั้นคือการรักษาธุรกิจและรักษาความเป็นผู้นำมีความยากกว่า เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ไลฟ์ไซเคิลสั้นลง ทำให้ "มาม่า" ต้องปรับตัวการเปลี่ยนแปลงให้ทัน จะเห็นได้ว่าในแต่ละปี "มาม่า" จะมีการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

พิพัฒ กล่าวต่อว่า กลยุทธ์ที่เราจะนำมาใช้นับจากนี้คือการปรับตัวให้ทันโลก อย่าทำอะไรที่นำโลก แต่ต้องมีความทันสมัย เพราะถ้าทำอะไรที่นำสมัยมากเกินไปส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จ และทำธุรกิจขาดทุน เช่น เมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวกลุ่มเครื่องดื่มในรูปแบบขวด PET เข้ามาทำตลาด ซึ่งช่วงเวลานั้นผู้บริโภคยังไม่มีความเข้าใจว่าขวด PET มีข้อดีอย่างไร จึงทำให้สินค้าที่ผลิตเข้ามาทำตลาดในรูปแบบขวด PET ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่สินค้าในรูปแบบขวด PET กำลังได้รับความนิยม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นเพราะทำอะไรที่นำสมัยเกินไปไม่มีการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะทำ

ดังนั้น แนวทางการทำตลาดนับจากนี้ไป จะเน้นการทำตลาดที่ทันสมัยด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำตลาดมากที่สุด คือ กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ส่วนธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเน้นไปที่ สินค้านวัตกรรมใหม่ๆ

พิพัฒ กล่าวอีกว่า แผนการทำตลาดของ "มาม่า" นับจากนี้ไป บริษัทจะยังเน้นไปที่นิชมาร์เก็ตเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาเขียว รสข้าวซอย และโฮลวีตเข้ามาทำตลาดไปบ้างแล้ว โดยในส่วนของโฮลวีตยอมรับว่าเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมาได้ผลตอบรับไม่ดีเท่าไรเนื่องจากบริษัททำการตลาดที่นำสมัยเกินไป ผู้บริโภคส่วนใหญ่ ยังไม่มีความเข้าใจถึงประโยชน์ของสินค้าประเภทโฮลวีตเมื่อเทียบกับปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี จากการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ในอนาคตอันใกล้นี้พิพัฒบอกว่ามีความ เป็นไปได้ที่จะนำมาม่าโฮลวีตกลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้พิพัฒเชื่อว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีกว่า 15 ปีก่อนอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สินค้ารสชาติใหม่เป็นที่ถูกปากผู้บริโภคในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ มีแผนที่จะทำการวิจัยพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคก่อนที่จะมีการพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด ซึ่งแต่ละปีจะมีสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดประมาณ 3 รายการ เช่นเดียวกับปี 2561 นี้ที่บริษัท มีแผนที่จะพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่เข้ามาทำตลาดจำนวน 3 รสชาติเช่นกัน