posttoday

จากยอดดอยสู่บ้านเรา อร่อยคุณภาพจากวัตถุดิบจากโครงการหลวง แมคคาเดเมียนัทบาร์

27 ธันวาคม 2560

ใครจะเชื่อว่าแมคคาเดเมียนัทจะปลูกขึ้นได้ดีในทางภาคเหนือของบ้านเรา โดยเฉพาะตามดอยต่างๆ

 

ใครจะเชื่อว่าแมคคาเดเมียนัทจะปลูกขึ้นได้ดีในทางภาคเหนือของบ้านเรา โดยเฉพาะตามดอยต่างๆ ประวัติของแมคคาเดเมียนัทอ่านแล้วถึงกับขนลุก น้ำตาซึม ด้วยเพราะสำนึกในพระปรีชาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเล็งเห็นศักยภาพของแมคคาเดเมียในเชิงเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่นอกจากจะเก็บเกี่ยวเมล็ดถั่วได้ราคาสูงแล้ว ส่วนอื่นๆ ยังใช้ประโยชน์ได้มากมายในหลายอุตสาหกรรม อย่างกะลาซึ่งเป็นส่วนที่แข็งที่สุดที่หุ้มเมล็ดอยู่ สามารถเอามาเผาเป็นถ่านกัมมันต์ที่ช่วยในการดูดซับกลิ่นและระบบกรองน้ำ ต้นแมคคาเดเมียยังให้ความเขียวเปลี่ยนจากที่ดินแห้งแล้ง ทำให้ทั้งขุนเขากลายเป็นเขียวชอุ่มขึ้นมาได้ ต้นแมคคาเดเมียจึงถูกนำมาทดลองปลูกยังสถานีทดลองหลายแห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะเขตเกษตรที่สูง จนกลายเป็นผลผลิตคุณภาพของดอยตุงอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

ความนิยม ความต้องการของตลาดของถั่วแมคคาเดเมียนั้น มาจากความอร่อยของเมล็ดถั่วที่ให้ความหอมมัน เป็นถั่วที่ยิ่งกินยิ่งติดใจเพราะมัน หอมและกรอบแบบนุ่มๆ ไม่แข็งสากคอ ปกติกินเปล่าก็ว่าอร่อยแล้ว เพราะดอยตุงมีแมคคาเดเมียนัทหลายรสชาติ แบบธรรมชาติเหมาะที่จะนำมาทำขนม รับประทานเปล่า หรือบดเป็นส่วนผสม ยังมีพวกรสชาติวาซาบิ เกลือ หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากแมคฯ นัท อย่างแบบบดบรรจุขวด แบบนี้เอามาทำน้ำสลัดครีมแทนการใช้มายองเนสได้เลย เพราะมีความหอมมันอยู่ในตัว หรือจะเป็นแบบรสช็อกโกแลตที่คล้ายกับ Nutella ของต่างชาติเขา

ผู้เขียนชอบเอาแมคฯ นัทมาทำขนม อย่างในฉบับนี้ถือเป็นสูตรประจำที่ทำบ่อยมากๆ รับประทานคู่กับกาแฟหรือชาในช่วงเช้า กินแมคนัทบาร์กับนมอุ่นๆ ก่อนนอน สูตรนี้ทำได้ง่ายๆ เสร็จเร็ว ถือเป็นสูตร Sheet Cookie ในรูปแบบคุกกี้สไตล์อเมริกัน ทำได้ทีละมากๆ ไม่เสียเวลาในการขึ้นรูป เพราะกดทุกอย่างลงถาดที่เรียกในหมู่เชฟส่วนใหญ่ว่า Sheet Pan นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ Sheet Cookie เพราะทำใน Sheet Pan เอามาตัดเป็นชิ้นๆ ได้ในทีเดียวหลังจากอบสุก บอกไว้นิดว่าอาจจะต้องตัดตั้งแต่ตอนยังอุ่นๆ ให้เป็นรอยไว้ก่อน รอให้เย็นสนิทจึงตัดเป็นชิ้นๆ

ประโยชน์ของแมคฯ นัทล้ำมากๆ ในทางวิทยาศาสตร์อาหาร ด้วยเพราะปราศจากคอเลสเตอรอล แต่เต็มไปด้วยกรดไขมันดีที่ช่วยในเรื่องการส่งรับกระแสในระบบประสาท มีโอเมก้า 3 มีวิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ถ้ารับประทานเปล่าๆ ก็อร่อยมากแล้ว เอามาทำชีสเค้ก คาราเมลเค้ก คุกกี้ได้อีกหลายสูตรเลย &O5532;

(ถาดขนาดประมาณ 10x12 นิ้วได้ 2 ถาด ตัดขนมได้ประมาณ 20-24 ชิ้น)

 

ส่วนผสม

เนยจืด                        240     กรัม

น้ำตาลทรายแดง           260     กรัม

น้ำตาลทรายขาว           100     กรัม

ไข่ไก่                           2      ฟอง

กลิ่นวานิลลา                  1      ช้อนชา

แป้งเค้ก                      500     กรัม

แป้งข้าวโพด                 4       ช้อนชา

เบกกิ้งโซดา                  2       ช้อนชา

เกลือ                           1/2     ช้อนชา

ถั่วแมคคาเดเมีย             2      กระป๋๋อง 

 

วิธีทำ

• หั่นเนยให้เป็นลูกเต๋าขนาด1 นิ้ว พักไว้ที่อุณหภูมิห้อง

•  เตรียมพิมพ์ในลักษณะเป็นถาดมีขอบสูงไม่เกิน 1 นิ้ว

จากนั้นทาเนยปูกระดาษให้ขอบกระดาษพ้นขึ้นมาสำหรับใช้ยกขึ้นเมื่อขนมอบสุก

• อุ่นเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ180C

•  เตรียมส่วนผสมอื่นๆ ชั่งตวงวัดให้เรียบร้อย ร่อนแป้งทั้งสองชนิด เบกกิ้งโซดาและเกลือเข้าด้วยกัน

• บดหรือสับถั่วแมคคาเดเมียกระป๋องแรกให้พอหยาบๆ สำหรับส่วนที่ 2 เอาไว้ตกแต่งด้านบน

•  ตีเนยจืดที่เย็นให้นุ่มลง เติมน้ำตาลทรายทั้งสองชนิดลงไป ตีต่อไปจนส่วนผสมเบาขึ้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำ ตาลอ่อนๆประมาณ 5-7 นาที

• เติมไข่ไก่ลงไปลงทีละฟอง โดยพักปาดขอบโถด้วย เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดีจนไข่ไก่หมด

•  จากนั้นเติมส่วนผสมของแห้งทั้งหมดลงไปตามด้วยถั่วแมคคาเดเมียที่สับไว้ส่วนแรก คนผสมให้เข้ากัน

• แบ่งขนมเป็น 2 ส่วนกดส่วนผสมลงพิมพ์ให้เรียบเสมอกัน เรียงถั่วแมคคาเดเมียด้านบนให้สวยงาม

• อบในเตาอบอุณหภูมิ 180C ประมาณ 20-25 นาที ขนมควรจะ Underbaked นิดๆเพื่อให้ได้ความหนึบที่เหมาะสม •  นำ ออกจากเตาอบมาพักไว้ให้เย็นสนิท ก่อนตัดเป็นชิ้นๆ

 

จากยอดดอยสู่บ้านเรา อร่อยคุณภาพจากวัตถุดิบจากโครงการหลวง แมคคาเดเมียนัทบาร์