posttoday

ปฏิรูปโครงสร้าง "ภาษี" ทั้งระบบ สร้างความเป็นธรรม-ลดเหลื่อมล้ำ

04 กันยายน 2560

การจัดเก็บภาษีเข้ารัฐได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลมาหลายยุคหลายสมัยมีปัญหาทั้งในเชิงปริมาณคือจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมายจนทำสูญเสียโอกาสนำรายได้ไปพัฒนาประเทศ

 

การจัดเก็บภาษีเข้ารัฐได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลมาหลายยุคหลายสมัย มีปัญหาทั้งในเชิงปริมาณคือจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมาย จนทำสูญเสียโอกาสนำรายได้ไปพัฒนาประเทศ รวมถึงในเชิงโครงสร้างที่เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน จนเกิดการหลบเลี่ยงภาษีมากมาย

รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้มีความตั้งใจเข้าสังคายนาระบบภาษีของประเทศครั้งใหญ่ตามที่ได้แถลงไว้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 ในนโยบายเร่งด่วนข้อ 6 การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรายได้ โดยเน้นการขยายฐานผู้เสียภาษี รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งในเชิงโครงสร้างภาษี และระบบการจัดเก็บภาษี พร้อมกับปรับปรุงพระราชบัญญัติจัดเก็บภาษีหลักทั้ง 3 ส่วนใหม่ทั้งระบบ ทั้งภาษีสรรพากร โดยเฉพาะภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราใหม่ ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ให้มีเนื้อหาทันสมัย จัดเก็บรายได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียภาษีทั้งระบบ

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อลดความซ้ำซ้อนการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินที่เป็นบ้านพร้อมที่ดิน ที่ดินรกร้าง ที่ดินสำหรับทำการเกษตร หรืออาคารพาณิชย์ และให้ไปเสียภาษีตรงแก่ท้องถิ่น เพื่อนำรายได้เหล่านี้มาใช้พัฒนาท้องถิ่นโดยตรงเลย

ปฏิรูปโครงสร้าง "ภาษี" ทั้งระบบ สร้างความเป็นธรรม-ลดเหลื่อมล้ำ

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการภาษี สภาหอการค้าไทย กล่าวว่า การปฏิรูปกฎหมายด้านภาษีของรัฐบาลชุดนี้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ถือได้ว่าเป็นรัฐบาลแรก ๆ ที่เข้ามาทำทั้งระบบ และมีส่วนดีคือมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของจากภาคเอกชนด้วย ทำให้กฎหมายมีความทันสมัย สามารถเข้ามาใช้งานได้จริง โดยเน้นขยายฐานผู้เสียภาษีให้มากขึ้น คนที่ไม่เคยเสียก็เข้ามาในระบบ ส่วนคนที่เสียอยู่แล้วก็ไม่ต้องจ่ายภาษีแพงขึ้น

"การปฏิรูปโครงสร้างภาษียังช่วยเรื่องลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ เช่น เมื่อก่อนระบบภาษีไม่ค่อยสร้างความเป็นธรรม เอื้อให้มีธุรกิจหลบเลี่ยงภาษีกันเยอะ แต่เมื่อมีการปรับลดภาษี นิรโทษกรรมไม่ให้มีผลย้อนหลังก็ช่วยจูงใจให้ภาคธุรกิจอยากเข้ามาอยู่ในระบบ หรือแม้กระทั่งการปฏิรูปการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ที่ปรับรูปแบบการคิดภาษีจากเดิมคิด ราคาหน้าโรงงาน หรือราคาสำแดงนำเข้า มาเป็นราคาขายปลีกแนะนำก็ช่วยตอบโจทก์มาก ไม่ให้มีใครต้องมาเลี่ยงภาษีสำแดงถูกกันอีก" ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ ระบุ

ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การปฏิรูปภาษีของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากการมีการปรับปรุงเนื้อหา พิกัดการจัดเก็บภาษีต่างๆ ให้มีความทันสมัย เป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ดีมากคือ มีการเข้ามาปรับภาพลักษณ์ของภาษีใหม่ โดยพยายามส่งเสริมให้สังคมทั้งภาคธุรกิจ ภาคประชาชนมองภาษีไม่ใช่เป็นปีศาจร้าย แต่เป็นสิ่งที่สำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกันในการนำรายได้ไปพัฒนาประเทศ เช่นเดียวกับมีการใช้เทคนิคทางการตลาด รวมถึงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วย เช่น โครงการคลินิกภาษี มาอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงระบบภาษีได้ง่ายขึ้น

ปฏิรูปโครงสร้าง "ภาษี" ทั้งระบบ สร้างความเป็นธรรม-ลดเหลื่อมล้ำ  

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ภาครัฐเข้ามาปฏิรูปโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่ และได้ทำให้เกิดประโยชน์ถึง 3-4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยให้คนรวยที่มีทรัพย์สินที่ดินมาก ๆ แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จะต้องเสียภาษีนำรายได้เข้ารัฐบาลเพิ่ม แต่ขณะเดียวกันหากไม่ต้องการเสียภาษีมาก ก็ต้องนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ เช่น นำไปให้คนจนเช่าเพื่อทำการเกษตร หรือเจ้าของที่ดินอาจจะมีการลงทุนทำธุรกิจในที่ดินว่างเปล่ามากขึ้น ก่อให้เกิดการจ้างงาน ทำให้ระบบการเงิน สินเชื่อ เกิดการหมุนเวียนตามมา ขณะที่การปรับโครงสร้างภาษีนิติบุคคลที่ลดภาษีจาก 30% เหลือ 20% เป็นส่วนสำคัญที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น

เป็นเสียงสะท้อนที่ชื่นชมความกล้าหาญของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ในการเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างภาษีทั้งระบบ รัฐบาลคาดหวังว่าจะช่วยทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะการนำบุคคลหรือธุรกิจที่ยังไม่เคยเสียภาษีให้เข้ามาอยู่ในระบบเสียภาษีอย่างถูกต้อง เพื่อนำรายได้มาพัฒนาประเทศชาติให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไปในอนาคต