posttoday

ยูนิลีเวอร์จับมือสคบ.ลดที่ว่างบรรจุภัณฑ์

29 กรกฎาคม 2558

ยูนิลีเวอร์จับมือสคบ.ลดที่ว่างบรรจุภัณฑ์ดูแลผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

ยูนิลีเวอร์จับมือสคบ.ลดที่ว่างบรรจุภัณฑ์ดูแลผู้บริโภคช่วยรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม และลดปริมาณขยะเหลือใช้ 

เมื่อวันที่29ก.ค. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ประเทศไทย และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมจัดงานเสวนา “ลดพื้นที่ว่างบรรจุภัณฑ์:มิติใหม่การคุ้มครองผู้บริโภค และทางออกการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” เพื่อนำเสนอแนวคิดการบริโภคที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ในเชิงรุกได้ตั้งแต่ต้นทาง ณ ห้องบอลรูม 2 โรงแรม เดอะ โอกุระ เพรสทิจ

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก ได้ประกาศ ‘แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน’ ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ยูนิลีเวอร์ตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืน จึงสนับสนุนแนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในการผลักดันการลดพื้นที่บรรจุภัณฑ์ เพราะนอกจากจะเกิดประโยชน์กับผู้บริโภคและลดขยะบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิผลแล้ว เรื่องนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วย

นายวีระชัย ชมสาคร เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดไม่เหมาะสมในประเทศไทย ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ได้รับการร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยบรรจุภัณฑ์มีพื้นที่ว่างเฉลี่ยตั้งแต่ 15-35% ถึงแม้ว่าผู้ผลิตจะระบุน้ำหนักหรือปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ข้างบรรจุภัณฑ์ก็ตาม เพื่อเป็นการยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค สคบ.จึงเตรียมจะออกมาตรการควบคุมพื้นที่ว่างบรรจุภัณฑ์ฃ

“ปัจจุบันหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนดานา ได้มีการออกกฎหมาย ข้อบังคับควบคุมบรรจุภัณฑ์ที่รวมถึงการกำหนดพื้นที่ว่างบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งหากประเทศไทยทำได้ ถือเป็นเรื่องดีกับทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภคไม่เกิดความสับสนในเรื่องขนาดกับปริมาณ อีกทั้งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ช่วยลดปริมาณขยะ ทางออกของการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

นางสาวสาวิตรี ศรีสุข ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมและเผยแพร่ กรมส่งเสริมคุณภาพแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปริมาณขยะมูลฝอยตกค้างสะสมทั่วประเทศ 14.8 ล้านตัน ซึ่งปริมาณการเกิดขยะมูลฝอยนั้นเพิ่มขึ้นทุกปี สร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะขยะบรรจุภัณฑ์ที่ถือว่ามีสัดส่วนมากเมื่อเทียบกับปริมาณขยะทั้งหมด การหารือกันเรื่องลดพื้นที่ว่างบรรจุภัณฑ์หรือลดขนาดบรรจุภัณฑ์จึงเป็นแนวทางของการแก้ปัญหาขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ตามแนวทางการจัดการขยะ (Roadmap) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพบูรณาการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง