posttoday

จับตา...รัฐเสียเปรียบ4จี คนใช้ได้ไม่คุ้มจ่าย

22 มีนาคม 2558

เมื่อต้นสัปดาห์คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อต้นสัปดาห์คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดประมูลคลื่นความถี่ 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 4 หรือ 4จี

ด้าน กสทช.โดดรับลูกทันที โดยเตรียมเปิดประมูลคลื่น 4จี ภายในปลายเดือน ส.ค. 2558 ซึ่งจะแบ่งใบอนุญาตออกเป็น 4 ใบอนุญาต ได้แก่ คลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ 2 ใบ แต่ละใบมีความจุ 12.5 เมกะเฮิรตซ์ กำหนดราคาประมูลเริ่มต้นใบละ 1.16 หมื่นล้านบาท และคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ 2 ใบอนุญาต แบ่งเป็นใบอนุญาตที่มีความจุ 10 เมกะเฮิรตซ์ ราคาประมูลเริ่มต้น 1.16 หมื่นล้านบาท และใบอนุญาตที่มีความจุ 7.5 เมกะเฮิรตซ์ ราคาประมูลเริ่มต้น 8,445 ล้านบาท

แต่ปรากฏว่าทางคณะกรรมการเตรียมการฯ มีมติเพิ่มเติม โดยให้ไปศึกษาว่าการนำคลื่นความถี่อื่นๆ เช่น 2300 เมกะเฮิรตซ์ ของบริษัท ทีโอที และคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ ของ บริษัท อสมท ที่ได้รับจัดสรรไปก่อนหน้า แต่ไม่มีการนำมาใช้งาน มาเปิดประมูลเพื่อให้บริการ 4จี หรือระบบบรอดแบนด์ในอนาคต

มีข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ มติดังกล่าวอาจทำให้การประมูลคลื่นรอบนี้ ไม่มีการแข่งขันอย่างแท้จริง เพราะมีคลื่นอื่นๆรองรับอยู่แล้ว

“การเพิ่มจำนวนคลื่นที่จะนำมาประมูล 4จี อาจส่งผลให้ไม่เกิดการสู้ราคาประมูลก็ได้ เหมือนตอนประมูล 3จี ที่จำนวนคลื่นความถี่ที่นำคลื่นมาประมูลเท่ากับจำนวนผู้ยื่นประมูล ทำให้ไม่มีการแข่งขันและเงินเข้ารัฐน้อยกว่าที่ควรจะเป็น”แหล่งข่าวจาก กสทช. ระบุ

สอดคล้องกับข้อสังเกตของ สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐจะนำคลื่นความถี่ 2600 และคลื่น 2300 มาประมูลในเวลาพร้อมกันกับคลื่น 1800 และ 900 เพราะการดึงคลื่นดังกล่าวกลับมาเปิดประมูลรัฐอาจต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก ทั้งๆ ที่รัฐควรใช้โอกาสนี้เร่งประมูลคลื่น 1800 และคลื่น 900 อีกทั้งยังมีความจุอื่นๆ ของคลื่น 1800 และคลื่น 900 ที่ทยอยหมดสัญญามาเปิดประมูลได้ 

“อยากให้รัฐกำหนดแผนประมูลและสื่อสารให้ชัด กำหนดนโยบายและกฎหมายให้แข่งขันประมูลคลื่นความถี่อย่างเสรีและเป็นธรรม เพื่อเสริมดิจิทัลอีโคโนมีอย่างแท้จริง เพราะระบบ 4จี ที่จะมีขึ้นในอนาคตจะทำให้มีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย เพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการ ยกตัวอย่าง 3จี ที่ส่งผลให้เกิดธุรกิจใหม่ เช่น แท็กซี่ สามารถเรียกใช้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต อีกทั้งมีการประเมินว่าใน 4 ปี หรือปี 2562 อุปกรณ์ดีไวซ์และสมาร์ทโฟจะเพิ่มเป็น 65 ล้านเครื่อง จากปัจจุบัน 30-35 ล้านเครื่อง” สมเกียรติ ระบุ

สมเกียรติ ยังเสนอว่า รัฐบาลควรเปิดเสรีธุรกิจโทรคมนาคม เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติรายใหม่เข้ามาลงทุน เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่มากขึ้น โดยหากมีเพียง 3 ราย ก็อาจเกิดการแข่งขันไม่มากนัก

“ได้ทราบมาว่ามีคนเขียนในร่างรัฐธรรมนูญว่า การประมูลจะคำนึงถึงเงินประมูลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำให้ประชาชนเสียค่าใช้จ่ายน้อยด้วย ซึ่งกังวลว่าอาจเกิดปัญหาการวิ่งเต้นอย่างเสรีตามมา แทนที่จะพิจารณาจากการแข่งขันประมูลแบบเสรี” สมเกียรติ กล่าว

จับตา...รัฐเสียเปรียบ4จี คนใช้ได้ไม่คุ้มจ่าย

 

อย่างไรก็ตาม มีคำถามตัวโตที่เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลจะเปิดประมูล 4จี คือ หากมีการเปิดให้บริการจริง ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์เต็มที่หรือไม่ เพราะปกติแล้วความเร็วการส่งผ่านข้อมูลในเทคโนโลยี 4จี ในไทยขั้นต่ำจะสูงถึง 21 เมกะบิต/วินาที (Mbps) และสูงสุดถึง 100 เมกะบิต/วินาที เร็วกว่าเทคโนโลยี 3จี ตอนนี้ 2-3 เท่าตัว แต่กลับพบว่า 3จี ที่ผู้บริโภคใช้บริการอยู่ทุกวันนี้ โดยเฉพาะการส่งผ่านข้อมูลวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก และทำให้มีการร้องเรียนตามมา

เห็นได้จากตัวเลขการรับเรื่องร้องเรียนและการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ปี 2557 (ม.ค.-ธ.ค.) พบว่ามีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ 1,648 เรื่อง จากทั้งหมด 2,210 เรื่อง คิดเป็น 74.57% และในจำนวนนี้เรื่องที่มีการร้องเรียนมากที่สุด คือ มาตรฐานการให้บริการ 794 เรื่อง หรือคิดเป็น 35.93% จากเรื่องที่ร้องเรียนทั้งหมด รองลงมาเป็นเรื่องการคิดบริการผิดพลาด 467 เรื่อง หรือ 21.13% ของเรื่องที่ร้องเรียน

ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ระบุว่า สาเหตุที่มีการร้องเรียนว่าคุณภาพการให้บริการโทรศัพท์ในบางพื้นที่นั้น โดยเฉพาะการให้บริการด้านการส่งผ่านข้อมูลที่ไม่ได้เป็นไปตามความเร็วในระบบ 3จี ที่กำหนดไว้ที่ 7.2 เมกะบิต/วินาที เนื่องจากในบางพื้นที่ความสามารถในการให้บริการเต็มที่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ย่านสีลม ในช่วงเวลา 16.00-17.00 น. มีคนใช้บริการกันมาก และไม่ว่าจะตั้งเสาส่งสัญญาณเพิ่ม หรือส่งรถโมบายขยายสัญญาณเข้าไปก็จะไม่ได้ผล เพราะความสามารถของคลื่นเต็มแล้ว เหมือนกับถนน 8 เลนที่ตอนนี้วิ่งแออัดและขยายไม่ได้แล้ว

เช่นกัน ฐากร ยอมรับว่า พื้นที่ท่องเที่ยวบางแห่ง เช่น เขาใหญ่ หากมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมา บางปีเราคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 4 หมื่นคน กสทช.จะสั่งให้ผู้ให้บริการส่งรถขยายสัญญาณเข้าไปเพิ่ม แต่ปรากฏว่ามีคนเข้าพื้นที่ 7 หมื่นคน อย่างนี้สัญญาณก็วิ่งได้ไม่เต็มที่ตามระบบ 3จี ส่วนพื้นที่อื่นๆ กสทช.ก็เข้าตรวจสอบคุณภาพสัญญาณ และสั่งให้โอเปอเรเตอร์เพิ่มจุดรับสัญญาณ หรือในช่วงเวลาให้โอเปอเรเตอร์ส่งรถโมบายขยายสัญญาณเข้าไปในแต่ละจุด

“ตอนนี้การให้บริการ 3จี มันเต็มแล้ว ซึ่งอยากให้เปรียบเทียบว่าเหมือนกับวันนี้มีถนน 8 เลน ที่เปิดให้รถวิ่งได้ 60 คัน แต่ในขณะนี้มีรถวิ่งถึง 80 คัน ทำให้เกิดปัญหาเรื่องสัญญาณในบางพื้นที่ แนวทางแก้ปัญหาที่ กสทช.ทำ คือ การให้มีรถคุณภาพสัญญาณไปในพื้นที่ต่างๆ เช่น ช่วงปีใหม่ก็เพิ่มรถเพิ่มคุณภาพสัญญาณในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อแก้ปัญหาความต้องการใช้งาน เราคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว แต่สิ่งที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ คือ รัฐต้องเปิดประมูล 4จี ซึ่งเหมือนกับการขยายถนนจาก 8 เลน เป็น 16 เลน” ฐากร ระบุ 

สำหรับการแก้ปัญหาผู้บริโภคใช้บริการ 3จี ได้ไม่เต็มที่นั้น ฐากร กล่าวว่า กสทช.ได้หารือกับผู้ให้บริการบางราย โดยขอให้หยุดเพิ่มปริมาณลูกค้า เพราะหากเพิ่มลูกค้าต่อไป แต่ไม่สามารถให้บริการได้เต็มที่ก็ไม่สมควรดำเนินการ เพราะปัจจุบันโทรศัพท์ที่เปิดใช้บริการ 110 ล้านเลขหมาย เป็นระบบ 3จี ถึง 90 ล้านเลขหลาย และในจำนวนนี้เป็นของบริษัท เอไอเอส 60 ล้านเลขหมาย ส่วน 2 ค่ายที่เหลือ คือ ดีแทคและทรูมูฟ มี 30 ล้านเลขหมาย ซึ่งเริ่มขยับไปให้บริการโทรศัพท์ 4จีแล้ว เพราะมีคลื่นเหลือ

“ผมได้สั่งการไปยังโอเปอเรเตอร์แล้ว ว่าอย่าไปยัดเยียดบริการที่ไม่ดีให้ลูกค้า” ฐากร ระบุ

ขณะที่ ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. กล่าวว่า การใช้งานเทคโนโลยีของ 4จี จะมีเร็วมากกว่าเทคโนโลยี 3จี ประมาณ 2-3 เท่า แต่ขณะนี้ต้องยอมรับว่าการใช้งานระบบ 3จีเต็มที่แล้ว ทำให้บางช่วงเวลาใช้งานได้ที่ความเร็ว 2-3 เมกะบิต/วินาที เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานมาก

“ระบบ 4จี มีความจำเป็นต่อประเทศไทยสูงมาก เพราะขณะนี้คลื่น 3จี ที่มีอยู่มีการใช้งานสูงเกินที่คลื่นจะรองรับได้แล้ว แต่หากจะนำเทคโนโลยี 4จี มาใช้บนคลื่นความถี่ 1800 ส่วน 900 นั้น ในต่างประเทศมีการศึกษาว่าหากจะทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรมีคลื่นอย่างน้อย 20 เมกะเฮิรตซ์” ประวิทย์ กล่าว

จึงเท่ากับว่าในช่วงต้นลงทุน 3จี เมื่อปี 2555 ผู้บริโภคต่างก็ใช้งาน 3จี ไม่เต็มที่ เพราะยังขยายเสาสัญญาณไม่ครอบคลุม แต่เมื่อถึงปี 2558 ผู้บริโภคก็ใช้งาน 3จี ไม่เต็มที่อีก เนื่องจากมีการระบุว่าการใช้งานขณะนี้เกินศักยภาพที่จะรองรับ

หรือนี่อาจเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคที่หวังจ่ายเงินตามเงื่อนไขของค่ายมือถือเพื่อใช้งานระบบ 3จี เต็มสปีด แต่กลับใช้งานได้กะปริบกะปรอย หากมี 4จี ใช้ในอนาคตจะซ้ำรอยหรือไม่?