Ajinomoto มุ่ง “ดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนผ่านกิจกรรมในโรงงานทั้งหมดของบริษัท”
Ajinomoto มุ่งดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนผ่านกิจกรรมในโรงงานทั้งหมดของบริษัท เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมาย “ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม 50%” ภายในปี 2030 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050/2593
Green Factory เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมาย “ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม 50%” ภายในปี 2030 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050/2593 Ajinomoto จึงมุ่งดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนผ่านกิจกรรมในโรงงานทั้งหมดของบริษัท (ข้อมูล ณ ปี 2023)
1) ลดการปล่อย CO2
- พัฒนาเทคโนโลยีกรีน (หม้อต้มไอน้ำพลังงานชีวมวล, โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากชีวมวล)
- ใช้พลังงานสะอาดทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล (พลังงานแสงอาทิตย์, เชื้อเพลิงชีวมวลจากแกลบ, ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน)
ผลที่ได้: ลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 380,000 ตัน เทียบเท่าการดูดซึม CO2 จากต้นไม้ใหญ่ 30 ล้านต้น
2) อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ
ผลที่ได้: ลดการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลงถึง 91% หรือ 125,000 kl, บำบัดน้ำทิ้งได้มาตรฐานสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด
3) จัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
ผลที่ได้: ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้รีไซเคิลได้, ลดการใช้พลาสติก เช่น ลดขนาดหรือความหนา และยกเลิกบรรจุภัณฑ์ชั้นที่ 2 ทำให้ลดพลาสติกไปได้ 365 ตัน
4) ลดขยะอาหารตลอดห่วงโซ่การผลิต
ผลที่ได้: ขยะอาหารภายใต้การดำเนินการของบริษัทฯ ลดลงไปกว่า 1,300 ตัน
5) พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-product)
น้ำหมัก ที่ได้จากกระบวนการผลิตผงชูรสจะนำไปทำเป็นปุ๋ยและอาหารสัตว์ ส่วนขี้เถ้าแกลบจากการผลิตพลังงานจะนำไปทำเป็นวัสดุปรับปรุงดิน