สคช. ปูทางสู่อนาคต อบรมบูรณาการ AI ยกระดับระบบรับรองบุคลากรไทย
สคช. จัดสัมมนาใหญ่ สร้างความเข้าใจการใช้ AI ในระบบรับรองบุคลากรตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17024 มุ่งพัฒนาศักยภาพคนไทยและหน่วยงานรองรับยุค AI มีจริยธรรมและน่าเชื่อถือ
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. เปิดเวทีสัมมนา “Next Step for ISO/IEC 17024: Integrating AI into Personnel Certification Systems” เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เดินหน้าสร้างความเข้าใจในการบูรณาการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าสู่ระบบการรับรองบุคลากรของไทย ตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17024 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และรักษาความน่าเชื่อถือในกระบวนการรับรองวิชาชีพยุคดิจิทัล
ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการ สคช. เปิดเผยว่า สคช. ได้พัฒนาองค์ความรู้ให้แก่ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่สอบ และบุคลากรในองค์กรที่ทำหน้าที่รับรองแล้วกว่า 2,900 คน รวมทั้งส่งเสริมให้องค์กรต้นแบบ 45 แห่งนำระบบรับรองบุคคลตามมาตรฐาน ISO/IEC 17024 ไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมี 6 องค์กรที่ได้รับการรับรองระบบงานอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้เทียบเท่าระดับนานาชาติ
ไฮไลต์ของงานคือการบรรยายพิเศษเรื่อง “ทิศทางการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในมาตรฐาน ISO/IEC 17024” โดย นางสาวนัทธ์หทัย สงบพันธ์ นักวิชาการจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งระบุว่า AI จะเข้ามามีบทบาทตั้งแต่การพัฒนาแบบทดสอบ การคุมสอบ ไปจนถึงกระบวนการวิเคราะห์ผลการประเมิน เพื่อยกระดับความแม่นยำและประสิทธิภาพในการรับรองบุคลากร
อีกหนึ่งช่วงสำคัญคือการเสวนา “AI กับอนาคตของการทดสอบสมรรถนะบุคลากร” โดย ดร.มารุต บูรณรัช นักวิจัยอาวุโสจากเนคเทค และนายธีระพันธุ์ จันทร์แก้ว ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ที่เน้นย้ำถึงประเด็นด้านจริยธรรม การประเมินความเสี่ยง และการใช้ AI อย่างรับผิดชอบในการรับรองสมรรถนะบุคคล
ภายในงานยังมีการมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ 2 องค์กรที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาระบบรับรองบุคลากร ได้แก่ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) และ สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรมาตรฐาน ISO/IEC 17024 จำนวน 60 คน
การจัดสัมมนาครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการปรับตัวสู่ระบบการรับรองบุคลากรในยุค AI อย่างมีมาตรฐาน สร้างความพร้อมให้บุคลากรไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตดิจิทัลอย่างยั่งยืน


