อุทกภัยคลี่คลาย ชป.ไม่วางใจจับตาฝน 24 ชม. พร้อมรับมือฝนระลอกใหม่
กรมชลประทานประชุมวางแผนรับมือฤดูฝน 68 ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด สั่งการเข้มโครงการฯ ทั่วประเทศ พร้อมระบายน้ำ ลดผลกระทบประชาชนทันที
วันนี้(14 ก.ค.68) ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) อาคาร 99ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตลอดจนสำนักงานชลประทานที่ 1 -17 และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจุบัน (14 ก.ค.68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 44,275 ล้าน ลบ.ม. (58% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 32,227 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 13,567 ล้าน ลบ.ม. (55% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 11,304 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ในเกณฑ์ดี
ด้านจังหวัดสกลนคร มีพื้นที่ประสบอุทกภัยบริเวณ อ.โพนนาแก้ว โครงการส่งและบํารุงรักษาน้ำก่ำ สํานักงานชลประทานที่ 7 ได้ดําเนินการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำบ้านหนองบึง เพื่อช่วยเร่งการระบายน้ำในลําน้ำก่ำ พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 14 - 19 ก.ค.68 ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกกระจายตัวเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนบางพื้นที่ จึงยังคงต้องระวังฝนตกสะสมและน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนภาคใต้ยังมีฝนบางแห่ง คลื่นลมเบาลง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ยังมีกำลังปานกลาง ทั้งนี้ ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ พร้อมทั้งนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อท้ายเขื่อน เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้น ตามข้อสั่งการของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ที่สำคัญให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 68 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งมั่นตรวจสอบอาคารชลศาสตร์และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกำหนดพื้นที่เสี่ยง และมอบหมายเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้องสั่งการของ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์


