จันทบุรี สร้างท่องเที่ยวปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ผิดกฎหมาย

ภาครัฐและเอกชนเมืองจันท์ผนึกกำลัง สร้างสรรค์การท่องเที่ยวปลอดภัย เข้าใจกฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์
จังหวัดจันทบุรีก้าวไปอีกขั้นในการยกระดับการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและยั่งยืน ด้วยการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชน จัดงานเสวนาเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะประเด็นการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบลดราคาหรือบุฟเฟต์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย งานเสวนาครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ณ ห้องประชุมพลอยจันทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก และผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
 

นายสมพร กาญจน์นิรันดร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ให้เกียรติรับฟังผลสรุปและข้อเสนอจากการเสวนา พร้อมกล่าวแสดงการสนับสนุนความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะและแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ปลอดจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน รวมถึงการยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ชี้แจงถึงที่มาของการจัดงานเสวนาครั้งนี้ว่า เกิดจากการพบข้อมูลการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการโฆษณาและการจัดโปรโมชั่นบุฟเฟต์เบียร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงปัญหาการดื่มและการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะบางแห่งที่ผู้ประกอบการอ้างว่าไม่ทราบข้อกฎหมาย ดังนั้น เวทีนี้จึงถูกจัดขึ้นเพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 และแนวทางการบังคับใช้ในพื้นที่จริง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้สอบถามและทำความเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้ภายใต้กฎหมายดังกล่าว การสร้างพื้นที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับภาพลักษณ์ของจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่โดดเด่นทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

เวทีเสวนาในหัวข้อ “การปฏิบัติตามข้อกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ได้รับเกียรติจากผู้ร่วมเสวนาหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ แพทย์หญิงขจีพร ธีราทรง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี, นายชัยรัตน์ นาคประวัติ ผู้แทนปลัดจังหวัดจันทบุรี, พันตำรวจเอกยอดชาย จำปาทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี, นายสาโรจน์ จันทรังศรี ผู้แทนสรรพสามิตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี, นางสาวพรหมเพชร เลิศรัตนปรีชา รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจันทบุรี และนายอดิศร ถาวรวิริยะนันท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จังหวัดจันทบุรี

หลังจากการเสวนา ได้มีการเสนอแนวทางปฏิบัติ โดยขอให้หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบทำความเข้าใจในข้อกฎหมายแก่ผู้ประกอบการอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการ ลดราคาและการจัดบุฟเฟต์เบียร์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามมาตรา 30 ของกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีโทษทางอาญาและปรับ นอกจากนี้ ภาคประชาชนก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และติดตามประเมินผลต่อไป

แพทย์หญิงขจีพร ธีราทรง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี (สสจ.) กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญของการหารือแนวทางการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวของจันทบุรี และเป็นการประชาสัมพันธ์ข้อกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ทราบและเข้าใจ การระบุปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกันจะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน เวทีนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้สะท้อนปัญหา ซึ่งทำให้ภาครัฐรับรู้ว่าผู้ประกอบการบางรายอาจยังไม่เข้าใจหรือทราบข้อกฎหมายดีพอ จึงจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น หากผู้ประกอบการเข้าใจกฎหมายและร่วมมือกันทำงานเชิงสร้างสรรค์ จะสามารถสร้างความปลอดภัยแบบไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาและแบ่งเบาภาระของฝ่ายปกครองและตำรวจได้

นางสาวพรหมเพชร เลิศรัตนปรีชา รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจันทบุรี เน้นย้ำว่า ททท. สนับสนุนการท่องเที่ยวโดยเฉพาะสินค้าท้องถิ่นของดีจันทบุรี ที่เน้นสินค้าเพื่อสุขภาพ อาทิ เครื่องดื่มจากมะปี๊ด กระวาน คราฟโซดา กาแฟจันทบูร เป็นต้น และกล่าวสรุปว่า หากทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ภาพรวมทั้งหมดก็จะออกมาดี

นายอดิศร ถาวรวิริยะนันท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จังหวัดจันทบุรี ยืนยันว่า ผู้ประกอบการยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎหมายและเข้าใจถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ได้ขอให้ภาครัฐประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบอย่างชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยต่อลูกค้า เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวจันทบุรี ผู้ประกอบการไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายจากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่สื่อออนไลน์แพร่กระจายข้อมูลอย่างรวดเร็ว ยากต่อการควบคุมเมื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกไป จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการร่วมกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวจันทบุรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสุขและปลอดภัยเมื่อมาเยือน และผู้ประกอบการเองก็จะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

ในการเสวนา มีผู้สอบถามกรณีการโฆษณาในสื่อออนไลน์ที่ลงรูปเหยือกแก้วผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษณะเชิญชวนให้ดื่ม ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าเข้าข่ายผิดทั้งกฎหมายสรรพสามิตและกฎหมายห้ามโฆษณา นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งปันประสบการณ์จากผู้ประกอบการที่ต้องการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่บางครั้งลูกค้าก็ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มเอง ทำให้ร้านค้าลำบากใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติจริง