posttoday

ธนาคารไทยเครดิต พอร์ตสินเชื่อกว่า 1.38 แสนล้าน NIM สูงสุดในอุตสาหกรรม

25 มกราคม 2567

ตลาดหุ้น IPO ในปี 2567 กลับมาคึกคักกันตั้งแต่ต้นปี เมื่อเห็นชื่อ “ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)” เดินหน้าแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น ซึ่งนับเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ในรอบ 10 ปีที่เข้ามาระดมทุน

ธนาคารไทยเครดิต พอร์ตสินเชื่อกว่า 1.38 แสนล้าน NIM สูงสุดในอุตสาหกรรม

          รู้จักธนาคารไทยเครดิต ธนาคารพาณิชย์เพื่อคนตัวเล็กในสังคม

ธนาคารไทยเครดิต เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อไมโครและนาโนไฟแนนซ์ (Micro and Nano Finance) และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้เท่าที่ควร กลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีจำนวนมากและถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึง บริการเงินฝาก สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

          และด้วยโมเดลธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถเข้าถึงเงินทุนจากเงินฝากของกลุ่มลูกค้าธนบดีธนกิจ และให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เท่าที่ควร อีกทั้ง ความเชี่ยวชาญของบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจในการให้บริการ ควบคู่การบริหารความเสี่ยงสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงอย่างรัดกุม พร้อมกับนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

          ทำให้วันนี้ธนาคารไทยเครดิตมีตำแหน่งทางการตลาดที่โดดเด่นและเป็นธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ประกอบการที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบด้วยความเชื่อมั่นในปรัชญา “Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ”

          ธนาคารไทยเครดิต ช่องทางสาขาที่เป็นเอกลักษณ์

ปัจจุบัน ณ ไตรมาส 3 ปี 2566 ธนาคารไทยเครดิต มีสาขาให้บริการทั้งหมด 527 สาขา แบ่งเป็นสาขาเงินฝาก 27 สาขา สาขาสินเชื่อ 267 สาขา และ Kiosk อีก 233 สาขา ซึ่งถือว่ามีสาขาให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

ธนาคารไทยเครดิต พอร์ตสินเชื่อกว่า 1.38 แสนล้าน NIM สูงสุดในอุตสาหกรรม

          นอกจากนี้ ไทยเครดิตมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยี เช่น ไมโครเพย์ มาใช้ เพื่อช่วยทำให้เรื่องธนาคารเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีบัญชีดาวน์โหลดทั้งหมด ที่ผ่านการยืนยันตัวตน KYC 428,927 บัญชี จำนวนผู้ใช้งาน (Active User) 30.4% จำนวนธุรกรรมเข้าออก 13,997 ล้านบาท

 

ธนาคารไทยเครดิต พอร์ตสินเชื่อกว่า 1.38 แสนล้าน NIM สูงสุดในอุตสาหกรรม

          ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
ปี 2563 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 6,370.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,372.9 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 8,493.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,935.0 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 11,052.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,352.5 ล้านบาท
งวด 9 เดือน ปี 2566 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 9,783.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,816.7 ล้านบาท ตามลำดับ 

          จุดเด่น การเติบโตสูงเมื่อเทียบอุตสาหรรม

ณ งวด 9 เดือนของปี 2566 ธนาคารไทยเครดิต ถือเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มี NIM (Net Interest Margin) สูงสุดในอุตสาหกรรม โดยสูงกว่า 8% ประกอบกับ มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม อยู่ที่ประมาณ 36.2% มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) สูงกว่า 20% ตอกย้ำ ไทยเครดิตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา

          นอกจากนี้ ธนาคารไทยเครดิตมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมด้วย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารฯ มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยสะสมระหว่างปี 2563-2565 (CAGR) ของเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ อยู่ที่ร้อยละ 33.0 ต่อปี ณ งวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566  ธนาคารฯ มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ จำนวน 138,435.1 ล้านบาท

          พอร์ตสินเชื่อกว่า 1.38 แสนล้าน

ธนาคารไทยเครดิต มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ จำนวน 138,435.1 ล้านบาท ขณะที่ มีโครงสร้างจำนวนสัญญาสินเชื่อรวม 371,699 สัญญา

โดยโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อแบ่งเป็น

•    สินเชื่อไมโครเอสเอ็มอี 67.7%
•    สินเชื่อไมโครและนาโนไฟแนนซ์  15.3%
•    สินเชื่อบ้านแลกเงิน 15.2%
•    อื่นๆ 1.8%

          นักลงทุนสถาบันระดับโลกเชื่อมั่นลงทุนสัดส่วนประมาณ 40% ของ IPO

          อีกหนึ่งในความน่าสนใจคือ ธนาคารฯ ได้เปิดข้อมูลในแบบไฟลิ่ง มีผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมจำนวน 6 ราย ได้ตกลงที่จะซื้อหุ้นสามัญของธนาคารฯ และผู้ถือหุ้นเดิมที่เสนอขายเป็นจำนวนรวมประมาณไม่เกิน 140,352,490 หุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย คิดเป็นประมาณ 40% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด

          โดย Cornerstone Investors ซึ่งเป็นสถาบันการเงินระดับโลก เลือกมาลงทุนในหุ้น CREDIT สะท้อนความเชื่อมั่นในการเติบโตอย่างมั่นคง อีกทั้ง ธนาคารไทยเครดิต เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ประกอบการที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ (Underserved) ให้สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และมีคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ตอกย้ำ การเป็นธนาคารที่พึ่งของชุมชนและการเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถาบันการเงินระดับโลกที่เข้ามาลงทุน

          แผนการเสนอขาย IPO

          ธนาคารไทยเครดิตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 5.00 บาท/หุ้น

          กำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น 28.00 – 29.00 บาท/หุ้น เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยร่วมจองซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 - 26 มกราคม 2567 และเตรียมเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2567

          เตรียมพบกับ ธนาคารไทยเครดิต คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดธุรกิจ (Sector) กลุ่มธุรกิจการเงิน / ธนาคาร ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CREDIT”

*การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และโปรดอ่านหนังสือชี้ชวน หรือข้อมูลที่มีสาระตรงตามข้อมูลสรุปสาระสำคัญของหลักทรัพย์ (Executive Summary) อย่างรอบคอบ

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน