posttoday

วันนี้คุณกินอาหารหรือขนมอะไรที่มีรสเค็มบ้าง?

17 มกราคม 2567

วันนี้คุณกินอาหารหรือขนมอะไรที่มีรสเค็มบ้าง? เชื่อหรือไม่ว่า ทุกวันนี้คนไทยบริโภคโซเดียม สารประกอบที่ให้รสเค็ม “เกินค่ามาตรฐาน” อยู่ถึงเกือบเท่าตัว

 

วันนี้คุณกินอาหารหรือขนมอะไรที่มีรสเค็มบ้าง?

          เชื่อหรือไม่ว่า ทุกวันนี้คนไทยบริโภคโซเดียม สารประกอบที่ให้รสเค็ม “เกินค่ามาตรฐาน” อยู่ถึงเกือบเท่าตัว ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคระบุว่า คนไทยบริโภคโซเดียมโดยเฉลี่ย 9.1 กรัม/คน (ข้อมูลปี 2566) สูงกว่าค่ามาตรฐานการบริโภคแบบไม่กระทบสุขภาพที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO กำหนด ที่ไม่เกินวันละ 5 กรัม/คน ถึง 1.8 เท่า การบริโภคโซเดียมเกินมาตรฐานของคนไทย ถูกเชื่อมโยงไปปัญหาด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD - non communicable diseases) โดยมีจำนวนผู้ป่วยที่เชื่อมโยงกับการบริโภคโซเดียมถึง 22 ล้านคน หรือคิดเป็นหนึ่งในสามของประชากรไทยทั้งหมด

          ทั้งโรคความดันโลหิตสูง 13.2 ล้านคน โรคไต 7.6 ล้านคน โรคหัวใจขาดเลือด 7.5 แสนคน โรคหลอดเลือดสมอง 5 แสนคน

          อะไรคือเหตุผลที่คนไทยบริโภคโซเดียม หรือ “กินเค็ม” เกินเกณฑ์ที่กำหนด และเราจะมีวิธีลดพฤติกรรมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพนี้ได้อย่างไร

🧂🍲 เหตุผลที่คนไทยกินเค็มเกิน

          นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เคยกล่าวว่า การกินเค็มเป็นภัยเงียบ อาจไม่เห็นผลทันที ยกเว้นคนที่ไวต่อการกินเค็ม เช่น ผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว

          ประธานเครือข่ายลดบริโภคมองว่า สาเหตุหลักของการติดบริโภคเค็มมี 2 ปัจจัย 1.วัฒนธรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป นิยมอาหารสำเร็จรูป บุฟเฟต์ปิ้งย่าง หมูกระทะ อาหารญี่ปุ่น-เกาหลีที่มีรสเค็มจัดจากการหมักดองเกลือ/เครื่องปรุงจำนวนมาก เมื่อบริโภคสะสมจะติดรสเค็มโดยไม่รู้ตัว 2.บริโภคเค็มตั้งแต่เด็ก ทั้งขนมกรุบกรอบ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กซอง-ถ้วย หรืออาหารที่ผู้ปกครองปรุงเค็มเกิน

          อีกสาเหตุคือพฤติกรรมการกินอาหารของคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่มักจะ “ปรุงรสเพิ่ม” หรือ “ปรุงรสเกินพอดี”เคยสังเกตไหมว่า เวลาเข้าร้านอาหารบางอย่าง คนไทยจำนวนไม่น้อยมักจะติดใส่เครื่องปรุง ก่อนที่จะได้ชิมอาหารที่พ่อครัวยกมาเสิร์ตด้วยซ้ำ

คุณล่ะ เป็นบ้างไหม?

🧂🍲 วิธีป้องกันแก้ไข

          จากพฤติกรรมการกินเค็มเกินพอดีที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทย ทำให้กระทรวงสาธารณสุขออกยุทธศาสตร์ลดบริโภคเกลือและโซเดียม ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2559

          โดยวางเป้าหมายให้คนไทยบริโภคเกลือและโซเดียมลดลง 30% ภายในปี 2568 ผ่านกิจกรรมมีทั้งการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน, ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เกิดผลิตภัณฑ์โซเดียมต่ำ, พัฒนางานวิจัยและองค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติ ฯลฯ

          แต่เชื่อหรือไม่ว่า มีสิ่งเล็กจิ๋วที่อาจช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจากการเกินเค็มเกินพอดีได้

          สิ่งนั้นเรียกว่า “กรดอะมิโน” ส่วนประกอบสำคัญของ “โปรตีน” องค์ประกอบ 20% ของร่างกายมนุษย์

          โดยเฉพาะ “กรดอะมิโนกลูตาเมต” ที่ทำให้เกิดรสชาติเข้มข้นกลมกล่อม หรือที่เรียกกันว่า “รสอูมามิ” ซึ่งพบได้จากวัตถุดิบต่างๆ ทั้งสาหร่ายคอมบุ, มะเขือเทศ, พาเมซานชีส, เห็ด, เนื้อสัตว์ต่างๆ ฯลฯ

🧂🍲 “อูมามิ” ช่วยลดเค็มได้อย่างไร

          อูมามิถือเป็นรสชาติที่ห้า ต่อจากหวาน เปรี้ยว เค็ม และขม ที่นอกจากจะพบได้ตามวัตถุดิบในธรรมชาติ ยังพบได้ในผงชูรส

          ผงชูรสเป็นเครื่องปรุงรสอูมามิ นอกจากมีโซเดียมเพียง 1 ใน 3 หากเทียบกับเกลือแกงแล้ว การใส่ผงชูรสลงไปในอาหารยังจะช่วยชูรสชาติ ทำให้รสชาติเข้มข้นมากขึ้นจากอูมามิ ซึ่งอาจส่งผลทางอ้อมทำให้ลดการใช้เกลือแกง หรือเครื่องปรุงอื่นๆ ที่มีโซเดียม เช่น น้ำปลา

          ถ้าใครอยากเริ่มทานอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพ อาจไม่ต้องมองหาอะไรที่ไกลตัวหรือซับซ้อน เพียงแค่เริ่มจากลดเค็มในมื้ออาหารก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว – ซึ่งเครื่องปรุงรสอูมามิ ก็อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568