เล่นกับมิติอันลุ่มลึก การกลับมาของสีขาว สำหรับนาฬิกา บิ๊ก แบง แซง เบลอ ทู
บิ๊ก แบง แซง เบลอ ทู (Big Bang Sang Bleu II) จะดูคล้ายว่าซับซ้อนและยากจะเข้าใจ แต่ด้วยรูปทรงเรขาคณิตของนาฬิการุ่นนี้ยังคงสะท้อนถึงความสมดุลได้อย่างกลมกล่อม และสำหรับนักสร้างสรรค์ อย่าง แม็กซิม เพลสเซีย-บุชชี (Maxime Plescia-B?chi) แล้ว
ผลงานนี้ยังแสดงออกถึงความเรียบง่าย ด้วยการกลับมาทำใหม่ที่ศิลปินนักสักคนนี้ได้ย้ำให้เราเห็นว่า สีขาวนั้นเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ทั้งมวล และเป็นพื้นฐานของความไร้สีที่ช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญแห่งรูปทรงและรูปแบบของศิลปินเอง โดยเป็นอีกครั้งที่ภายในผลงานรุ่นนี้ เขาได้รังสรรค์รูปทรงเรขาคณิตในแบบสามมิติ จากการผสมผสานระหว่างความนูนต่ำและมิติอันลุ่มลึก ที่ซึ่งในแต่ละรายละเอียดยังได้ถูกเซ็นกำกับไว้ด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของอัจฉริยะศิลปินด้านการสักรูปและลวดลายพิมพ์ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์คนนี้้
ติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทาง: @Hublot #Hublot #BigBangSangBleu
บิ๊ก แบง แซง เบลอ ทู ไวท์ ในตัวเรือนไทเทเนียม
แม็กซิม เพลสเซีย-บุชชี เชี่ยวชาญในการรังสรรค์ลายสักด้วยความมั่นใจ กับเส้นสายอันสมบูรณ์แบบ และวิสัยทัศน์ที่ประกอบไปด้วยเทคนิคแห่งการสร้างสรรค์ภาพต่างๆ ที่ซึ่งทุกๆ จุดดูราวกับว่าบรรจบกันได้อย่างเป็นธรรมชาติไปสู่องค์ประกอบอื่นๆ ที่วาดออกมาเป็นเค้าโครงของรูปทรง ซึ่งพร้อมจะสะกดสายตาและสะท้อนถึงสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่เช่นกัน
และ ณ เบื้องหลังมุม เหลี่ยมด้าน รวมถึงเส้นสายต่างๆ ทั้งหมดของเรือนเวลา บิ๊ก แบง แซง เบลอ ทู นักสักผู้เชี่ยวชาญคนนี้ยังได้สร้างซึ่งรอยแกะสลักอันเฉียบคมลงในวัสดุ นับจากตัวเรือนไปจนถึงขอบตัวเรือนทรงหกเหลี่ยม จากกระจกแซฟไฟร์ไปจนถึงเข็มชี้ และภายใต้ตัวเรือนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 45 มม. ที่เผยให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบและความสมดุลของรูปทรงอย่างแท้จริง ทั้งยังชวนให้หวนนึกถึงสายตาซึ่งจับจ้องและปฏิกิริยาของผู้คนผู้ซึ่งหลงใหลในสุนทรียะแห่งงานศิลป์
ขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันเป็นที่จดจำของจิตวิญญาณแห่งการสร้างรูปสี่เหลี่ยมซ้อนให้กับวงกลม ซึ่งถือกำเนิดขึ้นนับจากผลงานนาฬิการุ่นแรกที่รังสรรค์ขึ้นจากความร่วมมือของ อูโบลท์ (Hublot) และสตูดิโอ แซง เบลอ (Sang Bleu) โดยใน บิ๊ก แบง แซง เบลอ ทู นี้ยังคงใช้ทั้งรูปทรงหกเหลี่ยม สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน และสามเหลี่ยมต่างๆ มาเล่นกับรูปทรงกลมในแบบสามมิติ พร้อมทั้งเสริมด้วยฟังก์ชั่นโครโนกราฟที่ตอกย้ำถึงวิถีดั้งเดิมในการบอกเวลาของนาฬิกา โดยปราศจากการปรับเปลี่ยนซึ่งประสิทธิภาพของการอ่านค่าได้อย่างชัดเจน ที่นับเป็นหัวใจสำคัญของสไตล์แห่ง แม็กซิม เพลสเซีย-บุชชี นั่นคือความสมดุลและความกลมกลืนระหว่างเส้นสาย ซึ่งเขาบรรจงวาดขึ้นในวิถีและรูปแบบเดียวกันกับที่รังสรรค์งานสักบนผิวหนัง ขณะที่การเล่นระหว่างวัสดุขัดเงาและขัดตกแต่งแบบซาตินยังย้ำถึงสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่และเปี่ยมไปด้วยความหมายของชิ้นงาน ส่วนการสลับระหว่างรูปเรขาคณิตต่างๆ ซึ่งตกแต่งอยู่บนแต่ละพื้นที่ของนาฬิกานั้นยังทำหน้าที่ในการบอกเล่าถึงเรื่องราวของเวลาเรื่อยไปจนถึงหัวใจของจักรกลภายใน ที่ในรุ่นนี้ติดตั้งด้วยกลไก ยูนิโค แมนูแฟคเจอร์ เอชยูบี1240 (Unico manufacture HUB1240) กลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟซึ่งเปิดโชว์ความซับซ้อนของจักรกลผ่านบนหน้าปัดแบบสเกเลตันและฝาหลังแบบโปร่งใส พร้อมทั้งการจับเวลาวินาทีอย่างแม่นยำบนเข็มชี้แนวเส้นตรง ส่วนการจับเวลานาทีแสดงผ่านหนึ่งในดิสก์หมุนสองชิ้นบนหน้าปัด โดยการทำงานของกลไกที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และสำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง ขณะที่ในแง่ของวัสดุ ยังนับเป็นอีกครั้งที่ผลงานรุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นจากไทเทเนียม และคิง โกลด์ (King Gold) พร้อมทั้งตัวเลือกของรุ่นประดับเพชรหรู ประกอบคู่มากับสายยางสีขาว แต่งขอบกลมมนด้วยสีดำ และติดตั้งด้วยระบบ วัน คลิก (One Click) ผ่านการจดสิทธิบัตรโดยอูโบลท์
นาฬิกา บิ๊ก แบง แซง เบลอ ใหม่ เปรียบดั่งคู่ที่หล่อหลอมระหว่างประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาและศิลปะแห่งการสักด้วยความเที่ยงตรงอันเหนือกาลเวลา และนับเป็นผลลัพธ์แห่งการผสมผสานระหว่างวัสดุและความเชี่ยวชาญด้านรูปทรงเชิงเรขาคณิตของผู้ก่อตั้งแห่ง แซง เบลอ เช่นเดียวกัน
อูโบลท์
ก่อตั้งขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1980 อูโบลท์ (HUBLOT) ได้สร้างนิยามใหม่ขึ้นด้วยนวัตกรรมของตน ซึ่งเริ่มต้นจากการผสมผสานระหว่างทองและยาง นำมาสู่ปรัชญา "ศิลปะแห่งการผสมผสาน" (“Art of Fusion”) ที่เกิดจากแนวคิดและจินตนาการของประธานบริษัทผู้เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ อย่าง ฌ็อง-โคลด บีเวอร์ (Jean-Claude Biver) รวมถึงพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอันเปี่ยมด้วยพลังของ ริคาร์โด กัวดาลูเป (Ricardo Guadalupe) ซีอีโอของแบรนด์ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012
การเปิดตัวของนาฬิการะดับไอคอนที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย อย่าง บิ๊ก แบง (Big Bang) ในปี ค.ศ. 2005 ได้วางเส้นทางให้กับการสร้างสรรค์คอลเลคชั่นระดับแฟล็กชิพใหม่ๆ ของแบรนด์ขึ้นตามมา (เช่น คลาสสิค ฟิวชั่น (Classic Fusion), สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง (Spirit of Big Bang)) พร้อมด้วยหลากหลายความสลับซับซ้อน นับตั้งแต่แบบเรียบง่ายไปจนถึงความซับซ้อนทันสมัยสูงสุด ที่ได้ร่วมสร้างรากฐานให้กับดีเอ็นเอ (DNA) พิเศษของโรงงานการผลิตนาฬิกาสวิสแห่งนี้ และทำให้มั่นใจได้ถึงการเติบโตอย่างน่าประทับใจของแบรนด์เช่นกัน
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่งประเพณีและความเชี่ยวชาญอันล้ำสมัยของตน รวมถึงการนำโดยปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า "เป็นที่หนึ่ง แตกต่าง และมีเอกลักษณ์" (“Be First, Different and Unique”) ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสรายนี้ยังคงเดินนำหน้าเสมอ ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมแห่งวัสดุ (อาทิ เมจิก โกลด์ (Magic Gold) กันรอยขีดข่วน, เซรามิกในหลากหลายโทนสี และแซฟไฟร์) ไปจนถึงการสร้างสรรค์กลไกซึ่งผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง (เช่น ยูนิโค (Unico), เมกา-10 (Meca-10), ทูร์บิญอง (Tourbillon))
อูโบลท์ ยังอุทิศตนอย่างมุ่งมั่นให้กับการสร้างสรรค์แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูง (Haute Horlogerie) ด้วยอนาคตอันเปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ อนาคตซึ่งผสมผสานเข้ากับงานสำคัญระดับโลกต่างๆ ในช่วงยุคสมัยของเรา (ทั้ง ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ (FIFA World CupTM), ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก (UEFA Champions LeagueTM), ยูฟ่า ยูโร (UEFA EUROTM) และเฟอร์รารี (Ferrari)) เช่นเดียวกันกับความร่วมมือของเหล่าแอมบาสซาเดอร์ชั้นยอดของยุคนี้ (อาทิ กีลียาน อึมบาเป (Kylian Mbappé), ยูเซน โบลต์ (Usain Bolt), เปเล่ (Pelé))
ร่วมค้นพบไปกับจักรวาลแห่งอูโบลท์ได้ที่เครือข่ายบูติกของเรา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลักทั่วโลก ได้แก่ เจนีวา ปารีส ลอนดอน นิวยอร์ก ฮ่องกง ดูไบ โตเกียว สิงคโปร์ ซูริก และที่ HUBLOT.com
บิ๊ก แบง ยูนิโค แซง เบลอ ทู ไทเทเนียม ไวท์ และ คิง โกลด์ ไวท์
ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค
หมายเลขอ้างอิง
ไทเทเนียม ไวท์: 418.NX.2001.RX.MXM20
ผลิตจำนวนจำกัด 200 เรือน
คิง โกลด์ ไวท์:
418.OX.2001.RX.MXM20
ผลิตจำนวนจำกัด 100 เรือน
ตัวเรือน
ไทเทเนียม ไวท์:
ไทเทเนียม ขัดด้านซาตินและขัดเงา
คิง โกลด์ ไวท์:
คิง โกลด์ ขัดด้านซาตินและขัดเงา
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง: 45 มม.
หนา: 16.50 มม.
การกันน้ำ: 10 เอทีเอ็ม (100 เมตร)
ฝาหลัง
ไทเทเนียม ไวท์:
ไทเทเนียม ขัดด้านซาติน
แกะสลักคำว่า "LIMITED EDITION”
คิง โกลด์ ไวท์:
คิง โกลด์ ขัดด้านซาติน
แกะสลักคำว่า "LIMITED EDITION”
ขอบตัว
เรือนไทเทเนียม ไวท์:
ไทเทเนียม ขัดด้านซาตินและขัดเงา
คิง โกลด์ ไวท์:
คิง โกลด์ ขัดด้านซาตินและขัดเงา
หน้าปัด
สเกเลตัน สีขาวแบบด้าน
กลไก
เอชยูบี1240.MXM
กลไก ยูนิโค จักรกลไขลานอัตโน-มัติโครโนกราฟฟลายแบ็ก พร้อมด้วยคอลัมน์วีล ผลิตในโรงงานของตนเอง
ความถี่: 4 เฮิรตซ์ (28,800 ครั้ง/ชั่วโมง)
สำรองพลังงาน: 72 ชั่วโมง
จำนวนชิ้นส่วน: 330
ทับทิม: 38
สายและหัวเข็มขัด
สายยางสีขาวและดำ
ไทเทเนียม ไวท์:
ตัวพับล็อกแบบหัวเข็มขัดปรับระดับได้ทำจากไทเทเนียม ออกแบบโดยแซง เบลอ
คิง โกลด์ ไวท์:
ตัวพับล็อกแบบหัวเข็มขัดปรับระดับได้ทำจากคิง โกลด์ ออกแบบโดยแซง เบลอ
ราคา
ไทเทเนียม ไวท์:
23’900 สวิสฟรังก์
24’800 ยูโร
25’200 ดอลลาร์สหรัฐ
20’800 ปอนด์สเตอร์ลิง
คิง โกลด์ ไวท์:
44’900 สวิสฟรังก์
46’600 ยูโร
47’300 ดอลลาร์สหรัฐ
39’100 ปอนด์สเตอร์ลิง
ติดตามเราได้ทาง #Hublot


