นวัตกรรมการแพทย์ใหม่ ตัวช่วยเติมเต็มวงการหมอและสุขภาพคนไทย

นวัตกรรมการแพทย์ใหม่ ตัวช่วยเติมเต็มวงการหมอและสุขภาพคนไทย

จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่าภัยด้านสาธารณสุขของโลกในปีล่าสุด 2019 สถานการณ์เพิ่มขึ้นมาก อาทิ โรคที่เกิดจากมลพิษทางอากาศในสิ่งแวดล้อม โรคจากพฤติกรรมเสี่ยงของมนุษย์ รวมถึงภาวะดื้อยาของโรคต่างๆ ตรงนี้ทำให้เห็นว่าแม้วิวัฒนาการทางการแพทย์จะพัฒนาเพียงใด แต่ปฏิเสธไม่ได้อีกด้านของความเจริญยังมีคนอีกจำนวนมากเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุขที่ดี

แต่ทว่าประเทศไทยช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีความตื่นตัวมากเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อเตรียมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาลที่จะทำให้ไทยเป็น เมดิคอลฮับ หรือ ศูนย์กลางสุขภาพทางการแพทย์นานาชาติแบบครบวงจร

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ศูนย์ส่งเสริมการค้ารัฐบาลไต้หวัน ประจำประเทศไทย (TAITRA) ร่วมมือกับหน่วยงานไทยจัดสัมมนาและการเจรจาธุรกิจ Thailand-Taiwan Smart Healthcara Seminar & Trade Meeting 2019 โดยมีผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์มาบอกเล่าถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในวงการสาธารณสุข รวมถึงการจัดแสดงเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากไต้หวัน เพื่อเป็นอีกช่องทางพัฒนาวงการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้ามากขึ้น

การพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ ความหวังเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย

ดร.นพ.บุญชัย กิจสนาโยธิน ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์พัฒนามาตรฐานระบบข้อมูลสุขภาพไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า จากการทำงานวิจัยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบอัจฉริยะมาตั้งแต่ปี 2010 เพื่อสำรวจดูว่าประเทศไทยทำเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านสาธารณสุขมากเพียงใด ก็พบว่าทำได้ไม่ดีมากนักทั้งที่มีระบบสารสนเทศและอุปกรณ์การแพทย์มีมากมาย แต่ระบบกลับไม่สามารถเชื่อมต่อกันอย่างมีแบบแผน

ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพไทย ชี้ว่า สาเหตุของปัญหาดังกล่าวเกิดจากการวางระบบการแพทย์ของไทยที่มีรากฐานน้อย เนื่องจากไม่มีการกำกับดูแลหรือมีแผนแม่บทที่ดีเหมาะสำหรับทั้งประเทศ ฉะนั้นด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้ประเทศไทยยังขาดเรื่องมาตรฐานเกี่ยวกับข้อมูลสุขภาพ แม้ปัจจุบันจะดีขึ้นเล็กน้อย

แต่ถึงอย่างไรกระทรวงสาธารณสุขก็พยายามส่งเสริมทางด้านนี้ โดยวิสัยทัศน์ของกระทรวงกำลังพยายามเชื่อมโยงระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันถูกบรรจุไว้เป็นแผนแม่บทเพื่อให้การทำงานของระบบสาธารณสุขไทยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศและเชื่อมโยมกันให้มากที่สุด

“เมื่อปี 2012 องค์การอนามัยโลก เคยนิยามไว้ว่าองค์ประกอบหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จทางการแพทย์คือเทคโนโลยี ฉะนั้นการส่งเสริมเรื่องนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นมากในโลกยุคนี้” ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบสุขภาพไทย ตอกย้ำถึงความสำคัญด้านเทคโนโลยีในวงการแพทย์

สอดคล้องกับ นายปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย กล่าวว่า วันนี้เห็นได้ว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่การเกิดของประชากรใหม่กลับต่ำลงมาก ฉะนั้นอนาคตหากมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเตรียมรองรับสังคมผู้สูงวัยก็จะเป็นเรื่องดี สอดคล้องกับตอนนี้รัฐบาลเดินหน้าให้ไทยเป็นเมดิคอลฮับทางการแพทย์ ฉะนั้นจึงยิ่งต้องมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามามากขึ้น เพราะมันจะทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี

“โรงพยาบาลควรมีระบบไอทีหรือเทคโลโลยีที่ทันสมัย เพื่อจะทำให้ระบบการรักษาและให้บริการทางการแพทย์มีมาตรฐาน เพื่อผู้ป่วยจะได้มีโอกาสปลอดภัยมากขึ้น”

เทคโนโลยีไต้หวัน ตัวช่วยเติมเต็มวงการแพทย์ไทย

มร.เจสัน ซู ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปี 2035 ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าประชากรไทย 1 ใน 4 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงจำเป็นควรต้องมีการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพเพื่อรองรับ

พร้อมยกตัวอย่างว่า ไต้หวันให้ความสำคัญเรื่องพัฒนาระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์มาก เนื่องจากระบบประกันสุขภาพของไต้หวันครอบคลุม 99% ของจำนวนประชาชนทั้งหมด เพื่อจะได้มีฐานข้อมูลสุขภาพของประชากร จึงมองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นอีกปัจจัยที่เข้าไปช่วยเติมเต็มระบบสาธารณสุขไทยด้วย

สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ นางช่าวฮุย หลิน รองผู้อำนวยการบริหาร สภาพัฒนาการค้าภายนอก ไต้หวัน (TAITRA) กล่าวว่า การจัดงาน Thailand-Taiwan Smart Healthcare Seminar & Trade Meeting 2019 จะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ในวงการแพทย์สองประเทศ โดยการเข้ามา TAITRA เห็นว่าไทยมีแผนนโยบายชัดเจนใ

การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ประกอบกับไต้หวันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่แล้ว จึงอยากทำให้วงการแพทย์ของสองประเทศมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ซึ่งกันเพื่อให้เกิดการพัฒนามากขึ้น

สำหรับการจัดงานในส่วนของไต้หวันครั้งนี้ ได้นำกลุ่มบริษัทชั้นนำทางด้านเครื่องมือแพทย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของไต้หวันและได้รับการยอมรับจากนานาชาตินำอุปกรณ์การแพทย์มาจัดแสดง อาทิ อุปกรณ์ในห้องผ่าตัด อุปกรณ์ฟื้นฟูสุขภาพ อุปกรณ์ที่ใช้ภายในโรงพยาบาล เพราะมองว่าถ้าวงการแพทย์มีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาเชื่อมต่อกัน จะเป็นอีกหาทางที่ทำให้ระบบการให้บริการทางด้านนี้มีความสะดวกสบายต่อทั้งตัวแพทย์และผู้ป่วย

เปิดนวัตกรรมทางการแพทย์ไต้หวัน

สำหรับงาน Thailand-Taiwan Smart Healthcara Seminar & Trade Meeting 2019 ไต้หวันนำบริษัทชั้นนำทางด้านการผลิตเทคโนโลยีการแพทย์มาจัดแสดงและเผยแพร่องค์ความรู้และวิทยาการทางการแพทย์ใหม่ๆมากมาย อาทิ มือหุ่นยนต์ผู้ช่วยในห้องผ่าตัด เครื่องฝึกเดิน หูฟังแปลงคลื่นเสียงหัวใจ หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อในสถานพยาบาล เป็นต้น

มร.ไซรัส ตง ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป HIWIN TECHNOLGIES CORP บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ช่วยในห้องผ่าตัดและเครื่องช่วยเดิน ที่นำผลงานมาจัดแสดง บอกว่า อุปกรณ์ของบริษัทเป็นตัวช่วยสำคัญทางการแพทย์และได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ โดยนวัตกรรมใหม่ทางการแพทย์ของบริษัทตอนนี้คือ มือหุ่นยนต์ผู้ช่วยในห้องผ่าตัด และเครื่องกายภาพบำบัดและฟื้นฟูร่างกายสำหรับการเดิน

พร้อมยกตัวอย่างอาทิเช่น เครื่องกายภาพบำบัดสำหรับการเดินเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ทั้งผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ ผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต โดยการทำงานเครื่องนี้จะช่วยพยุงตัวผู้ป่วยสำหรับฝึกเดินอย่างเหมาะสม เพื่อทำให้กล้ามเนื้อได้เคลื่อนไหวระหว่างพักฟื้น ซึ่งตอบโจทย์มากสำหรับการฟื้นฟูทักษะการเดินอย่างเต็มที่

ขณะที่มือหุ่นยนต์ผู้ช่วยในห้องผ่าตัด เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยทุ่นแรงการทำงานในห้องผ่าตัด เพราะปกติหากทีมแพทย์หรือผู้ช่วยผ่าตัดจับกล้องเป็นระยะเวลานานอาจมีอาการเมื่อยล้า อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่แทนมือซึ่งสามารถทำงานได้อย่างเสถียร

ด้าน นายวัชรพงศ์ ซื่อกำเนิด ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทย ธุรกิจ lntelligent Healthcarem บริษัท Advantech Corporation (Thailand) จำกัด บริษัทผู้พัฒนาระบบบริหารโรงพยาบาลอัจฉริยะ ให้ข้อมูลถึงระบบเทคโนโลยีดังกล่าวว่า จากที่บริษัทอยู่ในวงการนี้มากว่า 30 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ จนสามารถผลิตอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ความต้องการของวงการแพทย์ได้

สำหรับระบบบริหารโรงพยาบาลอัจฉริยะ ตอบโจทย์ให้ใช้ได้ครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ในห้องผ่าตัดครบวงจร ตลอดจนถึงระบบการบริหารด้านคลินิกผู้ป่วย พร้อมยกตัวอย่างเทคโนโลยีเช่น 8”Medical Grade Table หรือแท็บเล็ตทางการแพทย์ที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติข้อมูลผู้ป่วย โดยลดความยุ่งยากจากระบบเดิมที่ใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่

และอุปกรณ์ใหม่อีกตัวของ Advantech คือรถเข็นอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กพร้อม WIFI โดยบนอุปกรณ์ยังมีช่องแยกยาสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน การทำงานพยาบาลสามารถตรวจสอบข้อมูลผู้ป่วยระหว่างการทำงานได้ และการให้ยาจะใช้ระบบปิดโดยจะจ่ายให้เฉพาะรายเท่านั้นเพื่อป้องกันการผิดพลาดได้ 100% ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยลดขั้นตอนการทำงานในสถานพยาบาลและยกระดับการดูแลผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่ มร.อดัม ฮวง รองประธานบริษัท Faspro Systems Co.,Ltd. บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีกล้องไร้สายเพื่อการแพทย์แบบสวมหัว ให้ข้อมูลของเทคโนโลยีนี้ ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นที่นิยมในโรงพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ชื่อดังหลายแห่งในไต้หวัน

สำหรับการทำงานอุปกรณ์จะทำหน้าที่บันทึกกระบวนการทางการแพทย์ อาทิ ผ่าตัด การทำทันตกรรม สัตวศาสตร์ และสามารถใช้เพื่อการเรียนการสอนทางไกลแก่นักศึกษาแพทย์ โดยเครื่องจะแสดงผลภาพแบบ FULL HD ทำให้แพทย์และนักเรียนเห็นภาพการทำงานระหว่างผ่าตัดชัดเจนมาก แก้ปัญหาความวุ่นวายระหว่างผ่าตัด ปัจจุบันกล้องไร้สายเพื่อการแพทย์นี้นอกจากใช้ในวงการแพทย์ไต้หวัน ยังมีการนำไปใช้ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย

อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดงานอุปกรณ์นวัตกรรมทางการแพทย์ของไต้หวันครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งการจัดงานเมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา มีผู้แทนจากหน่วยงานองค์กรทางการแพทย์ไทยหลายแห่งเข้าร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ อาทิ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช , โรงพยาบาลศิริราช , โรงพยาบาลสิรินธร รวมถึงหน่วยงานทางด้านการศึกษาอย่าง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น