posttoday

กลุ่มข้ามเพศเฮ โตเกียวเริ่มจด“ทะเบียนคู่ชีวิต” เบิกทาง “สมรสเท่าเทียม”

04 พฤศจิกายน 2565

ประเทศญี่ปุ่นเริ่มออกใบทะเบียนคู่ชีวิต สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน ทำให้กลุ่มข้ามเพศเริ่มมีความหวัง ว่านี่คือใบเบิกทาง และนับเป็น "ก้าวที่ยิ่งใหญ่" สำหรับสิทธิที่ควรจะได้รับสำหรับการสมรสของคู่รักเพศเดียวกันในอนาคต

กลุ่มข้ามเพศเฮ โตเกียวเริ่มจด“ทะเบียนคู่ชีวิต” เบิกทาง “สมรสเท่าเทียม”

ท้องถิ่นกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเริ่มออกใบทะเบียนคู่ชีวิต (มิใช่ทะเบียนสมรส) สำหรับคู่รักเพศเดียวกันเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้โตเกียวกลายเป็นเขตเทศบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่รับรองทะเบียนคู่ชีวิตสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน  ซึ่งหลายคนมองว่านี่คือใบเบิกทางที่ดีสำหรับสิทธิที่ควรได้รับสำหรับการสมรสของคู่รักเพศเดียวกันในอนาคต

7 ปีหลังจากเขตชิบูย่าของโตเกียวเปิดตัวการรับรองคู่ชีวิตเพศเดียวกันครั้งแรกในปี 2558 เมืองเล็กๆ กว่า 200 แห่งก็ได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึงหนึ่งในห้าของเขตเทศบาลของญี่ปุ่นด้วยซ้ำ

สำหรับใบรับรองคู่ชีวิต หรือ ใบทะเบียนคู่ชีวิตนี้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายแต่อย่างใด แต่อนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันยื่นขอที่อยู่อาศัยได้เช่นคู่สมรส ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ และอนุญาตให้พวกเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์ในการประกันรถยนต์และประกันชีวิต

แนวคิดเชิงบวก หรือการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ในญี่ปุ่น แต่การคุ้มครองทางกฎหมายยังคงพร่องอยู่มากสำหรับผู้ที่เป็นเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศ สำคัญคือในสังคมส่วนใหญ่ คนกลุ่มนี้ยังต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติที่โรงเรียน ที่ทำงานและที่บ้าน ทำให้หลายคนต้องปิดบังอัตลักษณ์ทางเพศของตน 

กลุ่มข้ามเพศเฮ โตเกียวเริ่มจด“ทะเบียนคู่ชีวิต” เบิกทาง “สมรสเท่าเทียม”

อย่างไรก็ตาม ผลจากการรับรองครั้งนี้ ทำให้คู่รักชนกลุ่มน้อยทางเพศจำนวนมากบอกว่า การรับรองทะเบียนคู่ชีวิตจะช่วยให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น ทำให้สามารถเช่าอพาร์ทเมนท์และเซ็นเอกสารในกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์และรวมถึงในมรดกด้วย
ก่อนนี้ คู่รักเพศเดียวกันมักถูกห้ามไม่ให้ให้เช่าอพาร์ทเมนท์ร่วมกัน ไปเยี่ยมกันที่โรงพยาบาล และใช้บริการอื่น ๆ ที่มีให้สำหรับคู่สมรสชาย-หญิงปกติก็ไม่ได้
เช่น เมื่อต้องโทรเรียกรถพยาบาลหลังจากที่คู่ชีวิตเพศเดียวกันมีเหตุฉุกเฉินที่บ้าน ก็จะได้รับคำสั่งให้ขอความยินยอมจากพ่อแม่
เป้าหมายของกลุ่มเรียกร้องสิทธิทางกฎหมายให้กับกลุ่มคู่รักเพศเดียวกัน หรือ  Partnership Act for Tokyo คือการใช้ “ทะเบียนคู่ชีวิต” เป็นจุดเริ่มต้นในการรับรองสิทธิของชนกลุ่มน้อยทางเพศให้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายเพิ่มขึ้นต่อไป

พวกเขาบอกด้วยว่า “จนถึงปัจจุบัน ระบบ กฎเกณฑ์ และบริการทั้งหมดในญี่ปุ่นถูกสร้างขึ้นราวกับว่าผู้คน LGBTQ+ นั้นไม่มีอยู่ หรือไม่มีใครมองเห็นในสังคมนี้ และระบบของโตเกียวก็เหมือนเดิม” พวกเขาจึงมองว่า “ทะเบียนคู่ชีวิต” นั้นคือ “ก้าวที่ยิ่งใหญ่” แต่เสริมว่า “นี่ไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นจุดเริ่มต้น”

ทั้งนี้ รัฐบาลกรุงโตเกียวกล่าวว่า ได้รับใบสมัครแล้ว 137 รายการ โดยผู้สมัครที่มีสิทธิจดทะเบียนคู่ชีวิตได้นั้น จำกัดให้เฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองหลวงเท่านั้น รวมถึงชาวต่างชาติด้วย 

กลุ่มข้ามเพศเฮ โตเกียวเริ่มจด“ทะเบียนคู่ชีวิต” เบิกทาง “สมรสเท่าเทียม”

การรณรงค์เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกันของชนกลุ่มน้อยทางเพศ รวมถึงการแต่งงานกับเพศเดียวกัน  หรือ “สมรสเท่าเทียม” ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากพรรคอนุรักษ์นิยมในพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ซึ่งต่อต้านการรวมกลุ่มกันมากขึ้นในหมู่ชนกลุ่มน้อยทางเพศ โดยเรียกพวกเขาว่า “unproductive”

ยิ่งไปกว่านั้น คู่รักเพศเดียวกันอย่างซาโตโกะ นากามูระและมามิโกะ โมดะ ซึ่งกำลังเลี้ยงดูหนูน้อย Ittan ลูกชายวัย 11 ขวบของพวกเธอ ซึ่งให้กำเนิดโดยนากามูระ จากการบริจาคอสุจิ โมดะบอกว่า ทะเบียนคู่ชีวิตรับรองเฉพาะการเป็นคู่ชีวิตระหว่างผู้ใหญ่และจำเป็นต้องครอบคลุมไปถึงลูกๆ ของคู่รักเพศเดียวกันด้วย เธอให้เหตุผลว่า “จากมุมมองของเด็ก มันเหมือนกับว่า คุณถูกทอดทิ้ง เมื่อเด็กถามว่า 'ครอบครัวนี้คืออะไร' ฉันก็ต้องการมีหลักฐานการเป็นพ่อแม่ด้วย"

สำหรับทวีป ‘เอเชีย’ มีเพียง‘ไต้หวัน’ ที่เริ่มใช้กฎหมาย กฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2562  
ส่วน ‘ประเทศไทย’ นั้นมี ‘พ.ร.บ.คู่ชีวิต’ มาตั้งแต่ปี 2556 คนไทยที่มีความคิดเห็นต่อ พ.ร.บ. นี้แบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆ ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยมองว่า เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เพศหลากหลายได้รับสิทธิที่ควรได้รับ จากเดิมที่ไม่มีอะไรเลย ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเชื่อว่า สิทธิของ พ.ร.บ.คู่ชีวิต ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับการสมรสของคู่รักต่างเพศ เช่น ไม่มีสิทธิรับสวัสดิการของคู่ชีวิตอีกคนที่รับราชการ สิทธิการขอสัญชาติไทยให้คู่ชีวิตที่เป็นชาวต่างชาติ เป็นต้น ดังนั้น พ.ร.บ.คู่ชีวิต จึงยังไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคมทั้งหมด เพราะยังไม่เท่าเทียม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยมองว่า ไม่ว่าจะเพศใดก็ควรได้รับสิทธิเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์

ในปี 2022 การแต่งงานระหว่างคู่รักเพศเดียวกันนั้นถูกกฎหมายและเป็นที่ยอมรับแล้วใน 33 ประเทศ ประเทศล่าสุดคือเม็กซิโก 

ยุโรป’ คือทวีปที่บังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมากที่สุดในโลก มากถึง 17 ประเทศ โดย ‘เนเธอร์แลนด์’ คือประเทศแรกของยุโรปและของโลกที่อนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันแต่งงานได้อย่างถูกกฎหมาย  กำหนดให้มีความเท่าเทียมกันในการแต่งงานระหว่างคู่รักเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2544 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

รองลงมาคือทวีป ‘อเมริกาใต้’ ที่มีการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมใน 6 ประเทศ ทวีป ‘อเมริกาเหนือ’ มีการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมใน 4 ประเทศ ทวีปแอฟริกา 1 ประเทศเท่ากับเอเชีย

 

อ้างอิง:

https://www.nbcnews.com/nbc-out/out-news/tokyo-begins-sex-partnership-recognition-rcna55041

ข่าวล่าสุด

KBANK ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% เงินฝาก 0.05-0.10%