ศึกประชัน AI แห่งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั่วโลก
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้รับความสนใจกว้างขวางจากการมาถึงของ Chat GPT หลายท่านเปรียบเทียบการเกิดขึ้นและแพร่หลายของสิ่งนี้ไม่ต่างจาก คอมพิวเตอร์ หรือ อินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจเป็นไปตามนั้น เพราะบริษัทเทคโนโลยีรายยักษ์ต่างกระโจนเข้าสู่สมรภูมิเอไออย่างพร้อมเพรียง
Chat GPT หนึ่งใน AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่เรียกเสียงฮือฮาจากคนจำนวนมาก จากศักยภาพในการทำงานได้รอบด้าน ช่วยชดเชยและลดการเสียเวลาในการทำงานหลายชนิด นำไปสู่ความกังวลของคนอีกไม่น้อย ด้วยกลัวว่าศักยภาพของเอไออาจเข้ามาทดแทนแรงงานจำนวนมาก นำไปสู่การตกงานและปลดบุคลากรครั้งใหญ่
แต่ตอนนี้ฝ่ายที่เกิดความกังวลมากกว่าคือ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ การเปิดตัว Chat GPT ของ Microsoft สร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญแก่วงการ ทำให้บริษัทมากมายรวมถึงอันดับหนึ่งของเสิร์ชเอ็นจิ้นในปัจจุบันอย่าง Google ไม่สามารถอยู่เฉยได้ นำไปสู่การเปิดตัวเอไอของแต่ละเจ้าเพื่อดึงดูดผู้ใช้บริการมาหาตนกันมากขึ้น
วันนี้เราจึงมาลองดูกันว่าปัจจุบันบริษัทเทคโนโลยีใดบ้างที่มีการประกาศเปิดตัวเอไอสำหรับเสิร์ชเอ็นจิ้นออกมา
Bard แชทบ็อตเอไอจาก Google
เมื่อพูดถึงบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปิดตัว Chat GPT บริษัทแรกที่ทุกคนนึกถึงย่อมเป็น Google บริษัทไอทียักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งด้านเสิร์ชเอ็นจิ้นตลอดกาล ที่ผ่านมาแม้มีความพยายามในการแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากบริษัทอื่นกลับยังไม่ได้ผล แม้แต่การขึ้นมาของแพลทฟอร์ม Tiktok ก็ไม่ได้เรียกความสนใจหรือเขย่ารากฐานได้มากนัก
ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากการมาถึงของ Chat GPT ที่สามารถทำได้ทั้งแต่งเพลง เขียนเรียงความ ไปจนเขียนโค้ด จนถือเป็นครั้งแรกที่ Google แสดงการตอบโต้จริงจัง พวกเขาจึงได้นำเอาเทคโนโลยีแบบเดียวกันของทาง Google ปัญญาประดิษฐ์ LaMDA(Language Models for Dialog Applications) ที่ได้รับการเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2021 มาต่อยอดเป็น Bard
Bard คือระบบแชทบ็อทรุ่นใหม่แบบเดียวกับ Chat GPT ที่เรารู้จักกัน มีพื้นฐานของระบบจากปัญญาประดิษฐ์ LaMDA ของทาง Google เอง โดยวางแผนจะเปิดทดลองการใช้งานรวมถึงพัฒนาให้ร่วมกับระบบเสิร์ชเอ็นจิ้นที่มีอยู่ ตอบรับการปรับตัวนำ Chat GPT มาใช้งานร่วมกับเสิร์ชเอ็นจิ้นของตัวเองอย่าง Bing ของทาง Microsoft
จุดเด่นสำคัญของ Bard ที่ทาง Google ทำการเปิดเผยมาในปัจจุบันคือ การสามารถเข้าถึงข้อมูลปริมาณมหาศาลได้รวดเร็วและทันท่วงที แตกต่างจาก Chat GPT รุ่นทดลองที่เราทราบดีว่าตัวปัญญาประดิษฐ์ได้รับการเทรนข้อมูลจนถึงปี 2021 ตัวระบบจึงขาดข้อมูลในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่สามารถตอบตำถามเหตุการณ์ปัจจุบัน ซึ่ง Bard จะไม่มีข้อจำกัดนี้
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Bard คือ การเข้าถึงข้อมูลมหาศาลได้ในเวลาอันรวดเร็ว เราทราบดีว่า Google คือเสิร์ชเอ็นจิ้นอันดับหนึ่งที่มีปริมาณข้อมูลมหาศาล ทำให้ปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขาเข้าถึงฐานข้อมูลเหล่านี้ได้โดยตรง อีกทั้งพวกเขายังได้พัฒนาให้ LaMDA ที่ใช้ในระบบเป็นโมเดลตัวเล็ก จึงมีการตอบสนองรวดเร็วและรองรับผู้ใช้งานได้มากกว่า Chat GPT
ตัวอย่างการใช้งานที่ Google นำเสนอในปัจจุบันคือ การทดสอบให้ Bard อธิบายข้อมูลการค้นพบล่าสุดของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb ให้เด็ก 9 ขวบเข้าใจได้ แต่ทางบริษัทยังคงเตือนว่า แม้จะมีกำหนดการให้เปิดทดลองในอีกไม่กี่สัปดาห์ แชทบ็อทนี้ยังมีโอกาสให้ข้อมูลผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม ซึ่งผู้ใช้งานสามารถแสดงความเห็นตอบกลับได้เช่นกัน
นอกจากนี้ในอนาคตทาง Google ยังเตรียมเปิดช่องทางให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นจากเอไอได้ด้วย
ERNIE แชทบ็อทจากฝั่งจีนจาก Baidu
สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์บางท่านอาจมีประสบการณ์ไม่ดีต่อโปรแกรม Baidu มากนัก กระนั้นก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นบริษัทเทคโนโลยีอีกหนึ่งเสิร์ชเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่แห่งแดนมังกร แม้ระบบอินเทอร์เน็ตประเทศจีนจะเป็นระบบปิด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความต้องการแข่งขันของบริษัทย่อมไม่เป็นรองใคร
บริการแชทบ็อทชอง Baidu จะได้รับการเปิดตัวในชื่อ ERNIE หรือ Enhanced Representation through Knowledge Integration เป็นโมเดลการพัฒนาจากปัญญาประดิษฐ์ LLM ที่ได้รับการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2019 หลังได้รับการพัฒนาและป้อนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดย ERNIE ตัวที่จะถูกปล่อยให้ใช้งานได้รับการปรับปรุงเป็นเวอร์ชั่น 3.0 แล้ว
ข้อมูลจาก Reuters มีข่าวลือว่าทาง Baidu จะเปิดให้แชทบ็อทตัวนี้ใช้งานเป็นวงกว้างในช่วงเดือนมีนาคม ในช่วงแรกจะทำระบบแยกกันไปก่อนแล้วจึงนำมาใช้ร่วมกับระบบเสิร์ชเอ็นจิ้นที่มีอยู่ในภายหลัง และในอนาคตจะมีการเปิดให้ใช้งานแบบเสียค่าบริการตามโมเดลแบบเดียวกับ Chat GPT ต่อไป
ในส่วนขีดความสามารถที่ได้รับการเปิดเผยในปัจจุบัน ได้รับการชี้แจงว่า ERNIE จะสามารถเขียนเรียงความไปจนถึงบทกวีกาพย์กลอนต่างๆ รวมถึงยังมีคุณสมบัติในการสร้างภาพขึ้นมาตามข้อมูลที่ได้รับจากตัวอักษรอีกด้วย จึงคาดว่าน่าจะรวมความสามารถของเอไอจำพวกแชทบ็อทแบบ Chat GPT และเอไอวาดภาพอย่าง Midjourney ไว้ด้วยกัน รวมถึงศักยภาพในการรองรับภาษาจีนดีกว่าเอไอตัวอื่นอีกด้วย
ความคืบหน้าของ Chat GPT จาก Microsoft
ผู้นำการเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดดมาสู่ถนนเทคโนโลยีในครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นผลงานจาก Chat GPT แห่ง Microsoft จากความนิยมถล่มทลาย มีการเปิดเผยข้อมูลว่าในเดือนมกราคมปี 2023 มีผู้ใช้งานบริการนี้แล้วมากกว่า 100 ล้านราย ถือเป็นอัตราเติบโตที่น่าสะพรึง จึงเริ่มมีแนวคิดเปิดบริการให้ใช้งานแบบเสียเงินมีค่าใช้จ่ายอยู่ราว 670 บาท/เดือน
แน่นอนว่าการเปิดให้บริการแบบคิดเงินคงไม่ง่ายนัก แม้เราต้องยอมรับว่าศักยภาพของเอไอแชทบ็อทตัวนี้สามารถทำได้หลากหลาย แต่บริษัทเทคโนโลยีเจ้าอื่นย่อมไม่มีทางอยู่เฉย การเปิดตัว Bard ของ Google และ ERNIE ของ Baidu เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า หากคิดอาศัยโมเดลธุรกิจรูปแบบนี้สร้างรายได้อาจพลาดท่าแก่คู่แข่ง
นั่นทำให้ทาง Microsoft ทำการผสานระบบแชทบอทของ Chat GPT เข้ากับระบบเสิร์ชเอ็นจิ้น Bing และเว็บเบราเซอร์ Microsoft Edge เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเอไอให้เข้าถึงง่ายขึ้น รวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพทำให้ปัญญาประดิษฐ์สามารถเข้าถึงข้อมูลหลังปี 2021 จากที่ถูกจำกัดมาตลอดในเวอร์ชั่นก่อนหน้า
จากการทดสอบระบบเสิร์ชเอ็นจิ้น Bing ที่มีการติดตั้ง Chat GPT พบว่า ตัวเว็บสามารถช่วยร่างแผนการเดินทางท่องเที่ยวได้แม่นยำ โดยสามารถกำหนดสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ จุดแลนด์มาร์กหลัก และจุดที่ไม่ควรพลาดตามเมืองต่างๆ สามารถเข้าไปปรับแก้และเปลี่ยนสถานที่โดยอิสระ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มเติมรายละเอียดปลีกย่อยได้มากมาย
ในส่วนเว็บเบราเซอร์ Microsoft Edge สามารถใช้งานในการสรุปและจับใจความสำคัญของเอกสารไฟล์ PDF โดยระบบจะทำการประเมินและสรุปคำตอบขึ้นมาให้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบเอไอเขียนแบบร่างบทความ, อีเมล, บล็อก และเนื้อหาสาระหลากหลายรูปแบบโดยกำหนดความยาวได้อย่างอิสระ
ปัจจุบันระบบผสาน Chat GPT เข้ากับ Bing และ Microsoft Edge นี้เปิดให้ใช้งานในวงจำกัด แต่จะเปิดให้ใช้งานทั่วไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในช่องทางทั้งสองผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนเวอร์ชั่นแสดงผลบนแพลตฟอร์มอื่นจะเปิดให้บริการเป็นลำดับถัดไป
จริงอยู่ Chat GPT อาจไม่ได้เป็นเทคโนโลยีแรกที่ใช้งานเอไอ แต่ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้คนรู้สึกว่าปัญญาประดิษฐ์มีส่วนร่วมต่อชีวิตประจำวัน เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่าจากนี้โลกจะพลิกโฉมไปในทิศทางใด เพราะนี่อาจผลักดันอนาคตเราไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยมีใครจินตนาการมาก่อนก็เป็นได้
ที่มา
https://www.blognone.com/node/131854
https://blog.google/technology/ai/bard-google-ai-search-updates/
https://www.nytimes.com/2022/12/21/technology/ai-chatgpt-google-search.html
https://www.windowscentral.com/news/live/microsoft-special-event-live-blog-windows-bing-ai-2023