ขาลงยักษ์ใหญ่ไอที? กับมูลค่าเทคโนโลยีที่สูญกว่าหมื่นล้าน

ในแต่ละปี Brand Finance บริษัทให้คำปรึกษาด้านมูลค่าแบรนด์ชั้นนำจะจัดอันดับแบรนด์ในทุกภาคส่วนและทุกประเทศ โดยจัดอันดับผ่าน Brand Finance Global 500 หรือ แบรนด์ที่มีมูลค่าและแข็งแกร่งที่สุด 500 แบรนด์

ตามรายงานฉบับใหม่จาก Brand Finance ที่ปรึกษาด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำระบุว่า ในปีนี้ แม้มูลค่าแบรนด์ Amazon จะลดลง 15% จาก 350.3 พันล้านเหรียญมาอยู่ที่ 299.3 พันล้านเหรียญ แต่ Amazon ยังสามารถกลับมาครองตำแหน่งเบอร์หนึ่งแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกได้

ขณะที่ Apple หลุดโผอันดับหนึ่ง หลังมูลค่าแบรนด์ลดลง 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 16% ส่วนแบรนด์ที่เน้นเรื่อง Sustainability หรือ ความยั่งยืนอย่าง Tesla และ BYD ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุด

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ขาลงยักษ์ใหญ่ไอที?

จากการสูญเสียมูลค่าแบรนด์กว่า 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้อันดับความแข็งแกร่งของ Amazon ลดลงมาอยู่ที่ระดับ AAA จากเดิมที่เคยอยู่ในระดับ AAA+ เนื่องจากผู้บริโภคประเมินว่าหลังการระบาดของโควิด-19 แบรนด์มคความเข้มงวดขึ้น การรับรู้ของผู้บริโภคน้อยลง ขณะที่การส่งมอบสินค้าก็ใช้เวลานานกว่าเดิม ประกอบกับผู้บริโภคบางส่วนเลือกกลับไปใช้จ่ายสินค้าตามหน้าร้านด้วยตนเอง การซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์จึงได้รับความนิยมลดลง

David Haigh ซีอีโอของ Brand Finance ระบุว่า  เมื่อรูปแบบและพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนกลับไปสู่รูปแบบก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 แบรนด์เทคโนโลยีทั่วโลกต่างสูญเสียมูลค่าไปมาก  อุปสงค์จากแบรนด์เทคโนโลยีจึงได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ปัญหาจากห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก การขาดแคลนแรงงาน และอุปสรรคในการจัดหาเงินทุนยังเป็นปัจจัยร่วมที่ส่งผลให้บริษัทไอทีสูญมูลค่า

ในปี 2023 นี้มีแบรนด์เทคโนโลยีทั้งหมด 48 แบรนด์ที่อยู่ในการจัดอันดับ จากเดิมที่มี 50 แบรนด์ในปี 2022 โดย Snapchat และ Twitter  ไม่ได้เข้าร่วมการจัดอันดับในปีนี้

แบรนด์เทคโนโลยีอื่นๆที่มูลค่าแบรนด์ลดลงได้แก่ Samsung Group ลดลง 7% เหลือ 9.97 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ, Alibaba.com ลดลง 56% เหลือ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ, Facebook ลดลง 42% เหลือ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และ WeChat ลดลง 19% เหลือ 5.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีที่มีการเติบโตได้แก่ Instagram เพิ่มขึ้น 42% สู่ระดับ 4.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน LinkedIn เพิ่มขึ้น 49% สู่ระดับ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการใช้กลยุทธ์ที่ดีในการให้บริการเชิงพาณิชย์

ส่วน Tesla และ BYD ถือเป็นผู้ชนะรายใหญ่ที่สุดในรายการนี้ โดย Tesla เพิ่มขึ้น 44% สู่ 6.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน BYD เพิ่มขึ้น 57% สู่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ซึ่งตัวแปรใหญ่คือการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ