สเปรย์ฆ่าเชื้อจากไวรัส ที่จะช่วยขจัดอาหารเป็นพิษ
อาหารเป็นพิษ หรือ ท้องร่วง ถือเป็นเรื่องที่เกิดได้และสร้างปัญหาแก่คนทุกช่วงวัย ยิ่งสำหรับกลุ่มเสี่ยงที่มีสุขภาพอ่อนแออาการเหล่านี้อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปเมื่อมีการคิดค้นสเปรย์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียจากไวรัสขึ้นมา
อาหารเป็นพิษ หรือ การติดเชื้อในทางเดินอาหาร ถือเป็นหนึ่งในโรคที่เกิดได้กับทุกคนหากรับประทานอาหารไม่ระวัง บางครั้งเพียงกินอาหารผิดสำแดงก็ทำให้เราต้องนอนซม อาจไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงแต่สร้างความหนักใจและทรมานแก่ผู้ป่วยอย่างที่เราทราบกันดี อีกทั้งยังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากเป็นกลุ่มเสี่ยง
แต่ล่าสุดทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากสเปรย์ชนิดใหม่ที่บรรจุไวรัสและสามารถฆ่าเชื้อโรคเป็นอันตรายให้แก่เรา
ไวรัสที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
หลายท่านอาจฉงนว่าเหตุใดจึงมีแนวคิดในการใช้ไวรัสฆ่าแบคทีเรีย อันที่จริงนี่ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ได้รับการพูดถึงและประสบความสำเร็จในการใช้งานนับแต่ปี 1919 ในการรักษาโรคบิดจนสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ รวมถึงยับยั้งการระบาดของอหิวาตกโรคในอินเดียและอียิปต์ ก่อนการมาถึงของยาปฏิชีวนะเพนิซิลินเสียอีก
ไวรัสที่ถูกใช้ประโยชน์ในด้านนี้ถูกเรียกว่า Bacteriophage หรือ Phage มีความหมายในภาษาละตินว่า นักกินแบคทีเรีย โดยไวรัสชนิดนี้แม้ได้รับเข้าสู่ร่างกายจะไม่เป็นภัยและก่อให้เกิดโรคแก่มนุษย์ แต่จะทำการฆ่าเชื้อแบคทีเรียเป็นหลัก จึงเหมาะสมในการใช้งานเพื่อปกป้องชีวิตมนุษย์
น่าเสียดายองค์ความรู้ในช่วงเวลานั้นเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ของเรายังมีน้อย การเกิดขึ้นของเพนิซิลินทำให้คนส่วนมากให้ความสนใจยาปฏิชีวนะมากกว่า ประกอบกับความก้าวหน้าในเภสัชศาสตร์ยุคใหม่ทำให้การค้นพบยาเกิดเป็นวงกว้าง บทบาทของเฟจจึงลดความสำคัญลงในที่สุด
แต่องค์ความรู้เกี่ยวกับเฟจเองก็ไม่ได้จางหายไปจากผู้คน ระยะหลังเริ่มมีผู้ให้ความสนใจในการพัฒนามากขึ้น นับตั้งแต่ทศวรรษ 2010 เป็นต้นมา เมื่อเชื้อแบคทีเรียเริ่มเข้าสู่สถานะดื้อยาเฟจจึงเริ่มกลับมาได้รับความสนใจ จนในปี 2021 เริ่มมีการนำเฟจไปใช้ในการฆ่าเชื้อในท่อประปาของโรงพยาบาล ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้สารเคมีฆ่าเชื้อเสียอีก
ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีที่เริ่มถูกหลงลืมจึงเริ่มมีการรื้อฟืนเพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน
สเปรย์ฆ่าเชื้อชนิดพิเศษที่ใช้ขจัดเชื้อโรคในอาหาร
ผลงานนี้เป็นของนักวิจัยแห่ง McMaster University แห่งแคนาดา กับแนวคิดในการฆ่าเชื้อในอาหาร แน่นอนอาหารเป็นพิษถือเป็นสิ่งเกิดได้กับทุกคนเมื่อได้รับอาหารหรือน้ำปนเปื้อนสู่ร่างกาย แม้พยายามกินอาหารปรุงสุกเพื่อหลีกเลี่ยงบางครั้งก็ยังเกิดขึ้น จึงเกิดแนวคิดในการประดิษฐ์สเปรย์ฆ่าเชื้อเพื่อใช้ในอาหารโดยเฉพาะ
สเปรย์มีขั้นตอนการใช้งานเรียบง่าย เพียงพ่นลงไปในอาหารหรือวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารล่วงหน้าแล้วทิ้งไว้ ไมโครบีดส์จะกระจายไปทั่ว ภายในบีดส์แต่ละเม็ดจะอุดมไปด้วยไวรัสที่มีคุณสมบัติกำจัดแบคทีเรีย สามารถนำไปฉีดพ่นลงบนอาหารโดยไม่ทำปฏิกิริยาหรือผลเสียต่อร่างกาย
จาการทดสอบในห้องปฏิบัติการพวกเขาพบว่า สเปรย์ฆ่าเชื้อนี้สามารถใช้ฆ่าเชื้ออีโคไลที่ปนเปื้อนภายในเนื้อสัตว์และผักสดได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการฆ่าเชื้อ ซาลโมเนลล่า และ ลิสทีเรีย ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วง อาเจียน โดยเฉพาะเชื้อลิสทีเรียที่สามารถทำให้เกิดอาการชักและเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์เป็นพิเศษ
ข้อดีอีกประการของสเปรย์ฆ่าเชื้อนี้คือ ตัวไวรัสที่ถูกบรรจุไว้ในสเปรย์สามารถเล็งเป้าโจมตีแบคทีเรียชนิดที่ต้องการ แตกต่างจากยาปฏิชีวนะซึ่งทำลายแบคทีเรียทั้งหมดไม่ว่าดีหรือร้าย สเปรย์จึงไม่ทำลายจุลินทรีย์ชนิดอื่นซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งไม่ส่งผลต่อรสชาติอาหารโดยรวมอีกด้วย
ปัจจุบันการใช้งานเชื้อไวรัสเฟจเองก็ได้รับการอนุมัติจาก FDA ของสหรัฐฯ ในเมนูอาหารแล้ว เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ถนอมอาหารบางชนิดที่เริ่มมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งาน เช่น การผลิตพลาสติกห่ออาหารซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้ออาหารที่ถูกห่อ โดยมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อนานราว 1 – 2 สัปดาห์เลยทีเดียว
ก้าวต่อไปของเฟจ ไวรัสที่อาจเข้ามาแทนที่ยาปฏิชีวนะ
อีกหนึ่งปัญหาหนักใจสำหรับวงการแพทย์รวมถึงเภสัชศาสตร์คือ เชื้อดื้อยา เมื่อปัจจุบันเชื้อแบคทีเรียเริ่มดื้อยาปฏิชีวนะขึ้นทุกที จนเชื้อบางชนิดเริ่มไม่สามารถใช้ยาฆ่าเชื้อในการรับมืออีกต่อไป สร้างความกังวลในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่า หากมีการแพร่ระบาดของเชื้อกลุ่มนี้เป็นวงกว้างอาจทำให้เกิดผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในอนาคต
นี่จึงทำให้หลายคนเริ่มมองเห็นไวรัสเฟจเป็นคำตอบ เพราะการใช้ไวรัสแตกต่างจากการใช้ยาปฏิชีวนะ แบคทีเรียไม่สามารถพัฒนาภูมิคุ้มกันเพื่อดื้อยาได้ เริ่มมีการทดลองใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อดื้อยาจนรักษาชีวิตไว้ได้สำเร็จ นำไปสู่การก่อตั้ง Center for Innovative Phage Applications and Therapeutics (IPATH) เพื่อใช้ไวรัสเฟจในการรักษาผู้ป่วยตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปัจจุบันการใช้งานไวรัสเฟจเริ่มแพร่หลายได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การผลิตบรรจุภัณฑ์ของอาหารเพื่อป้องกันการก่อตัวของแบคทีเรีย, การทำความสะอาดน้ำและระบบประปา, การเพาะปลูกในกระบวนการเกษตรเพื่อหาทางป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียแต่ต้นทาง
ส่วนที่น่าสนใจไม่แพ้นคือในเชิงการแพทย์ ที่เราอาจใช้ไวรัสเฟจเพื่อผลิตสเปรย์หรืออุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ นำมาใช้รักษาดูแลอาการบาดเจ็บ ซึ่งจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมากมายให้ไม่ต้องพะวงปัญหาในการติดเชื้อจนนำไปสู่โรคแทรกซ้อนต่างๆ ในอนาคต
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้อาจยังไม่มีการวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ก็จริง แต่เมื่อการใช้งานไวรัสชนิดนี้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานราชการรวมถึงการยอมรับจากหลายภาคส่วน จึงเป็นเรื่องที่ขึ้นกับเวลาเท่านั้นว่า ไวรัสเฟจจะแพร่หลายในเชิงการแพทย์และชีวิตประจำวันเมื่อใด
ที่มา
https://newatlas.com/bacteriophage-food-wrap/52107/?itm_source=newatlas&itm_medium=article-body
https://www.pobpad.com/listeriosis
https://www.sarakadeelite.com/better-living/bacteriophage-or-phage/
https://newatlas.com/science/antibacterial-microgel-bacteriophage-bead-spray-food/
https://interestingengineering.com/health/food-decontamination-spray-bacteria