posttoday

‘Inversa’ สตาร์ทอัพกำจัดสปีชีส์ต่างถิ่นให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่น

16 พฤศจิกายน 2565

ปลาสิงโต (Lionfish) จัดเป็นหนึ่งในสปีชีส์ต่างถิ่นที่รุกรานทะเลแคริบเบียนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เจ้าปลาชนิดนี้กินทุกอย่างที่ขวางหน้า จนกลายเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์น้ำท้องถิ่น สตาร์ทอัพอย่าง Inversa จึงปิ๊งไอเดียกำจัดพวกมันมาแปรรูปให้เป็นกระเป๋าแฟชั่น! 

          สปีชีส์ต่างถิ่น หรือ Alien Species คือ ชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ชนิดพันธุ์ท้องถิ่นจากท้องถิ่นเดิม แต่ถูกนำเข้ามายังท้องในถิ่นนั้นๆ ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง สปีชีส์เหล่านี้ไม่ได้หมายความแค่สัตว์เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงพืช จุลินทรีย์ เชื้อรา ด้วยเช่นกัน หากสปีชีส์เหล่านี้สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมแห่งใหม่ จนกระจายตัวแผ่อิทธิพลไปทั้งบริเวณนั้นๆ จนกระทบระบบนิเวศเดิม พวกมันจะถูกเรียกว่าเป็น “ (Invasive Alien Species) “ โดยทันที 

          ส่วนทางด้านผลกระทบก็มีมากมายไม่ว่าจะแย่งอาหาร ไล่กัดกิน แย่งชิงพื้นที่สืบพันธุ์ ข่มสัตว์ท้องถิ่นเดิม ทำให้ความหลากหลายทางระบบนิเวศลดลงอย่างรวดเร็ว

‘Inversa’ สตาร์ทอัพกำจัดสปีชีส์ต่างถิ่นให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่น

กำจัดสายพันธุ์ต่างถิ่น ให้เป็นสินค้าแฟชั่น

          Aarav Chavda ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Inversa Leathers กล่าวว่า หนังจากปลาสิ่งโต สปีชีส์ต่างถิ่นที่รุกรานจนเป็นภัยต่อระบบนิเวศในทะเลแคริบเบียนและเมดิเตอร์เรเนียน ไม่ต่างอะไรจากเครื่องหนังอื่นๆ ทั้งสัมผัส รูปลักษณ์ สี หรือกลิ่น แต่ความพิเศษที่ทำให้พวกมันโดดเด่นต่างออกไปคือความแข็งแรงทนทาน เนื่องจากปลาชนิดนี้มีโครงสร้างของเส้นใยที่ไม่เหมือนใคร

          Chavda กล่าวว่า ภารกิจหลักของ Inversa คือพยายามแก้ปัญหาวิกฤตในระบบนิเวศ ที่โดนรุกรานจากสปีชีส์ต่างถิ่น ปลาสิงโตเป็นปลาที่มีความแปลก ไม่เหมือนกับปลาชนิดอื่นๆที่อาศัยตามแนวปะการัง พวกมันมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและแถบทะเลแดง ทั้งยังมีพิษอยู่บริเวณก้านครีบ แรกเริ่มเดิมทีคนมักนิยมเลี้ยงพวกมันไว้ดูเพื่อความสวยงาม แต่หลังจากปี 1980 ผู้เลี้ยงบางส่วนกลับเริ่มนำไปปล่อยบริเวณชายฝั่งฟลอริดา 

          ปลาสิงโตเริ่มรุกรานพื้นที่ดังกล่าวและกลายเป็นผู้ล่าที่หิวโหย การศึกษาหนึ่งพบว่าในเวลาเพียง 5 สัปดาห์ เจ้าปลาชนิดนี้คร่าลูกปลาตามแนวปะการังไปกว่า 79% บรรดาลูกปลาที่ปกติกินสาหร่ายตามแนวปะการังเป็นอาหาร เมื่อจำนวนของพวกมันหายไปเกินครึ่งแล้ว ย่อมส่งผลต่อระบบนิเวศตามแนวปะการังแบบโดมิโน่

‘Inversa’ สตาร์ทอัพกำจัดสปีชีส์ต่างถิ่นให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่น

          ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา ปลาสิงโตขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและทั่วทะเลแคริบเบียน และด้วยอัตราการเติบโตอย่างน่าใจหายนี้ พวกมันกำลังเข้ายึดครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และกำลังกระจายตัวไปยังคลองสุเอซ

          เพื่อหยุดยั้งปัญหาดังกล่าว คอมมูนิตี้บริเวณชายฝั่งจึงปิ๊งไอเดียมอบรางวัลให้กับบรรดานักดำน้ำที่จับปลาสิงโตมาได้ ด้านร้านอาหารท้องถิ่นก็ได้ร่วมแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการนำพวกมันมาทำอาหารอย่าง ทาโก หรือ เซบิเช (ceviche) เมนูคล้ายยำแต่ทำจากเนื้อปลา

          ในปี 2020 Chavda และเพื่อนนักดำน้ำอย่าง Roland Salatino ที่กลายมาเป็น COO ของ Inversa ในภายหลัง  เริ่มยื่นมือเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวเช่นกัน พวกเขาเริ่มจ่ายเงินให้กับชาวประมงที่จับเจ้าปลาชนิดนี้มาได้ รวมถึงยังสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากชาวประมงโดนพิษของปลาสิ่งโต

‘Inversa’ สตาร์ทอัพกำจัดสปีชีส์ต่างถิ่นให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่น

          เฉลี่ยแล้วใน 1 วันชาวประมง 1 คนอาจจับปลาสิงโตได้ราว 15 ตัว แต่อาจเพิ่มเป็นวันละ 70 ตัวหากพวกเขาพบจุดที่พวกมันมารวมตัวกัน ซึ่ง Inversa จะมารับปลาที่จับได้ไปทุกสัปดาห์จากท่าเรือ Nassau ในบาฮามาส และท่าเรือทางตอนใต้ของฟลอริดา 

          เจ้าหน้าที่จะทำการแยกหนังของพวกมันออกและส่งไปยังโรงงานของ Inversa ในโอไฮโอ ส่วนเนื้อปลาจะกระจายส่งไปตามร้านอาหาร และชิ้นส่วนต่างๆที่เหลือจะถูกใช้เป็นเหยื่อตกปลาต่อไป จึงมั่นใจได้ว่าปลาสิงโตที่ถูกจับมาจะถูกใช้งานไปอย่างคุ้มค่าทุกส่วน ไม่มีชิ้นใดเหลือทิ้งอย่างแน่นอน

        และทางบริษัทคาดว่าการกำจัดเจ้าปลาต่างถิ่นตัวนี้จะสามารถช่วยพันธุ์ปลาตามแนวปะการังได้มากถึง 70,000 ตัว

‘Inversa’ สตาร์ทอัพกำจัดสปีชีส์ต่างถิ่นให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่น

 

กระเป๋าจากหนังปลาสิงโต

          ณ โรงงานของ Inversa หนังของปลาสิงโตจะต้องผ่านกระบวนการฟอกกว่า 52 ขั้นตอน เพื่อให้ได้ค่า pH ที่เหมาะสม น้ำและไขมันจะถูกรีดออกหมดจนเหลือไว้เพียงหนังที่ประกอบจากโครงสร้างเส้นใยที่แข็งแรงเท่านั้น และสามารถนำไปต่อยอดเพื่อผลิตกระเป๋าหนัง กระเป๋าสตางค์ เข็มขัด หรือรองเท้าได้ 

          ผลิตภัณฑ์จาก Inversa ยังถือว่าอยู่ในระยะลองตลาด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,200 บาท) นอกจากนี้ทาง Inversa ยังเล็งกำจัดสปีชีส์ต่างถิ่นอื่นๆอีกราว 4,000 สปีชีส์ รวมถึงบรรดางูเหลือมที่รุกรานในสหรัฐฯ ที่คร่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กไปกว่า 99% 

          ด้านซีอีโอของ Inversa ให้ความเห็นว่า เขาจะไม่กำจัดงูเหลือมในพื้นที่ที่พวกมันใกล้สูญพันธุ์ แต่จะกำจัดพวกมันในบริเวณที่ถูกรุนรานมากกว่า ทั้งยังเสริมว่าผลิตภัณฑ์ของ Inversa จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นคืนธรรมชาติ เรากำลังกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับแฟชั่นแห่งอนาคต นั่นคือแฟชั่นที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง