ทำความรู้จักกับ Hectocorn ธุรกิจแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวล่าสุดของโลก

หลายคนคงรู้จักคุ้นหูคุ้นตากับสตาร์ทอัพที่ถูกเรียกว่า Unicorn หรือ "บริษัท 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" กันมาพอสมควรแล้ว แต่จริงๆ แล้วลำดับขั้นของ สตาร์ทอัพต่าง ๆ ในโลกนั้นไม่ได้สูงสุดอยู่ที่ Unicorn แต่มีลำดับขั้นที่สูงขึ้นไปอีกตามมูลค่าของบริษัท แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับ "สตาร์ทอัพ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" ตัวล่าสุดของโลก เรามาเริ่มทำความรู้จักกับระดับของสตาร์ทอัพในแต่ละขั้นกันก่อนว่าแตกต่างกันอย่างไร

สตาร์ทอัพในแต่ละขั้น ใหญ่แค่ไหน มีมูลค่าเท่าไหร่

Ponies : สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 300 ล้านบาท (10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เช่น EasyParcel (มาเลย์เซีย), Gogoprint (ไทย), Glints (สิงคโปร์)

 

Centaurs : สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท (100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เช่น Halodoc (อิโดนิเซีย), Line Man (ไทย), Rakuten Viki (ญี่ปุ่น)

 

Unicorn : สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 30,000 ล้านบาท (1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เช่น Ascend Money (ไทย), Flash Express (ไทย), Bitkub (ไทย)

 

Decacorn : สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 300,000 ล้านบาท (10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เช่น Klarna (สวีเดน), Canva (ออสเตรเลีย), Stripe (สหรัฐอเมริกา)

 

Hectocorn หรือ "สตาร์ทอัพ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" ที่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ตัวในโลกนั้นก็คือ Bytedance จากประเทศจีน เจ้าของแอปพลิเคชั่น Tiktok ที่มีมูลค่าสูงถึง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.62 ล้านล้านบาท และ SpaceX สตาร์ทอัพสุดบ้าบิ่นของ Elon Musk ที่มีมูลค่า 103,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.40 ล้านล้านบาท ในขณะที่ Hectocorn ตัวล่าสุดซึ่งเป็นตัวที่ 3 ของโลกคือ "SHEIN" จากประเทศจีน

 

 

ทำความรู้จักกับ SHEIN แบรนด์ Fast Fashion ที่กำลังท้าชิงบัลลังค์สตาร์ทอัพอันดับ 1 ของโลก

     SHEIN คือสตาร์ทอัพแพลตฟอร์มชอปปิ้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางออนไลน์ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2008 โดย Xu Yangtian (Chris Yu) ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน โดยในปัจจุบันมีมูลค่าแตะ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.30 ล้านล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ SHEIN สามารถก้าวขึ้นมาเป็น Hectocorn ได้ก็มาจากการพยายามขยายตลาดไปยังยุโรป, อเมริกา, ออสเตรเลีย และตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่อง

 

     ในปัจจุบัน SHEIN เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า 220 ประเทศทั่วโลก โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 SHEIN มีผู้เข้าชมผ่านทาง Application รวมแล้วมากกว่า 382 ล้านครั้ง โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา โดยมีบัญชีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง (Active Users) อยู่มากกว่า 7.5 ล้านบัญชี คิดเป็นสัดส่วนกว่า 45% ของบัญชีลูกค้าทั้งหมด เติบโตขึ้นเกือบ 20 เท่าจากบัญชีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง (Active Users) ในปี 2017 ที่มีอยู่เพียง 400,000 บัญชีเท่านั้น

 

     โดยที่ในเดือนมกราคม 2022 Application ของ SHEIN มีผู้ดาวน์โหลดทั่วโลกมากกว่า Application ของ AMAZON เสียอีก ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ SHEIN อยู่ในช่วงระหว่าง 18-34 ปี และเป็นผู้หญิงกว่า 70% ทั้งนี้ในช่วงระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19 แบรนด์ SHEIN มีผู้ค้นหาใน Google มากกว่า ZARA และ H&M ถึงกว่า 8 เท่าตัว ในขณะที่สำนักข่าว Reuters ได้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2021 SHEIN น่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 15,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

     สิ่งที่น่าสนใจที่ทำให้แบรนด์เสื่อผ้า เครื่องประดับจากประเทศจีนประสบความสำเร็จในตะวันตกคือกลยุทธ์ด้านราคาที่ไม่แพง และการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง (Fast Fashion) โดยในปี 2020 SHEIN มีการออกสินค้าใหม่มากกว่า 150,000 ไอเทม หรือมากกว่า 410 ไอเทมต่อวัน นั้นช่วยกระตุ้นการจับจ่ายให้กับกลุ่มลูกค้าผู้หญิงได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากตัวเลขผู้ที่เข้าชมสินค้าใน Application Tik Tok ที่มี #SHEIN มากกว่า 6,200 ล้านครั้งในปี 2021

 

     ในขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่า SHEIN ได้กำเนินการทาบทาม Bank of America, Goldman Sachs และ JPMorgan Chase เพื่อเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการระดมทุนอยู่ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าหาก SHEIN สามารถเสนอขาย IPO ในสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โอกาสที่มูลค่าบริษัทของ SHEIN จะแซงหน้าทั้ง SpaceX และ ByteDance ขึ้นเป็น Hectocorn อันดับ 1 ของโลก ก็อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น

 

ที่มา

https://www.agenda.co.th/business/start-up-level/

https://www.cbinsights.com/research-unicorn-companies

https://daxueconsulting.com/shein-market-strategy/

https://www.investmentmonitor.ai/analysis/shein-china-fashion-retail-industry

https://www.similarweb.com/website/shein.com/#demographics