posttoday

เบน รอธลิสเบอร์เกอร์ คนบาป และตำนานแห่ง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส

31 มกราคม 2565

ในด้านหนี่ง เบน รอธลิสเบอร์เกอร์ คือตำนานของ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส อย่างไม่ต้องสงสัย กับผลงานนำทีมเข้าชิงซูเปอร์โบว์ล 3 ครั้ง และได้แชมป์สองสมัย แต่อีกด้าน เจ้าตัวก็มีตราบาปที่ไม่อาจลบได้ หลังถูกกล่าวหาว่าข่มขืนหญิงสาวสองคนในช่วงเวลาห่างกันเพียงสองปี

Highlights

  • เบน รอธลิสเบอร์เกอร์ คือหนึ่งในสุดยอดควอเตอร์แบ็กแห่งยุค 2000 และตำนานผู้นำ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส คว้าแชมป์สองสมัย
  • แต่ในช่วงพีกสุดของชีวิต “บิ๊กเบน” กลับมีข่าวฉาว ข่มขืนหญิงสาวสองคนในเวลาไล่เลี่ยกัน
  • นับแต่นั้น ชะตาชีวิตของเจ้าตัวก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งเจอปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า และคลื่นลูกหลังที่ไล่มา จนสุดท้าย ก็ถึงเวลาที่เจ้าตัวจะอำลาวงการ และปล่อยให้ผลงานทั้งหมดเป็นตำนานที่เล่าขานกันต่อไป

--------------------

          ประกาศรีไทร์อย่างเป็นทางการตามความคาดหมาย หลัง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส แพ้ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ในรอบไวลด์คาร์ด ฤดูกาลล่าสุด 21-42 ปิดฉากเส้นทางบน NFL 18 ฤดูกาลกับทีมม่านเหล็ก พร้อมสถิติมากมาย และตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสองสมัย

 

          ขณะเดียวกัน การอำลาของ “บิ๊กเบน” ก็ทิ้งเรื่องราวมากมายไว้เบื้องหลัง

 

          ทั้งผลงานสุดยอดในช่วงเริ่มต้นกับทีมหลังม่านเหล็ก ไปจนถึงจุดเปลี่ยนจากคดีฉาวที่จะกลายเป็นภาพลักษณ์ติดลบเจ้าตัวไปตลอดชีวิตการเล่น แม้ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าผิดจริงหรือไม่ก็ตาม

 

เกือบไม่ได้เป็นควอเตอร์แบ็ก
(“บิ๊กเบน” สมัยเรียนมัธยม เล่นทั้งบาสเกตบอล เบสบอล และอเมริกันฟุตบอล แต่ไม่ได้เล่นควอเตอร์แบ็ก / ภาพจาก Steelers Depot)

          "บิ๊กเบน" เป็นลูกชายของ เคน รอธลิสเบอร์เกอร์ ควอเตอร์แบ็กของ จอร์เจีย เทค ทีมอเมริกันฟุตบอลชั้นนำในระดับมหาวิทยาลัย

 

          นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม นอกจากจะมีร่างกายสูงใหญ่แล้ว เจ้าตัวยังมีทักษะด้านกีฬาในระดับสูงด้วย เขาเล่นทั้งอเมริกันฟุตบอล บาสเกตบอล และเบสบอล ให้ฟินด์เลย์ ไฮสคูล ในโอไฮโอ 

 

          แต่ในทีมอเมริกันฟุตบอล เขากลับไม่ได้เริ่มในตำแหน่งควอเตอร์แบ็ก จนกระทั่งเกรด 12 แต่ถูกวางให้เป็นปีกนอก คอยรับบอลจาก ไรอัน ไฮท์ ลูกชายของโค้ช

          ไฮท์ ซีเนียร์ ซึ่งถูกรุมวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องนี้ ไม่นานหลัง รอธลิสเบอร์เกอร์ แจ้งเกิดอย่างรวดเร็วใน NFL ยืนยันว่าการวางตำแหน่งนี้ ไม่ใช่เพราะเลือกที่รักมักที่ชัง แต่ลูกชายของตนกับ รอธลิสเบอร์เกอร์ เล่นเข้าขากันได้ดีในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย

 

          ขณะที่ เคน พ่อของ "บิ๊กเบน" ก็ยืนกรานว่าไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้ และมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นโค้ชที่บางครั้งก็ตัดสินใจถูก บางครั้งก็ตัดสินใจพลาด

 

          ตลกร้ายคือ เมื่อ รอธลิสเบอร์เกอร์ เปลี่ยนมาเล่นควอเตอร์แบ็กตอนเกรด 12 เขามีสถิติขว้างถึง 4,041 หลา ทำได้ถึง 54 ทัชดาวน์

 

          ขณะที่ ไรอัน ไฮท์ ซึ่งเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย เดนิสัน กลับถูกโยกไปเล่นเป็นปีกนอกแทน และกลายเป็นเจ้าของสถิติมากมายของสถาบันไปแทน ก่อนจะเบนเข็มไปจับงานด้านโค้ชระดับมหาวิทยาลัย ในเวลาต่อมา

 

ดาวเด่นในทีมเล็ก
(สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “บิ๊กเบน” เลือกเล่นกับทีมเล็ก ๆ อย่าง เรดฮอว์คส์ และสร้างผลงานระดับตำนานที่ยังไม่มีใครเทียบได้จนทุกวันนี้ / ภาพจาก SportsCasting)

          หลังจบมัธยม "บิ๊กเบน" ไม่ได้เข้าเรียนที่ โอไฮโอ สเตท เหมือนว่าที่สตาร์ดังคนอื่น ๆ ในลีก

 

          แม้จะถูกเชิญไปเข้าซัมเมอร์แคมป์ที่ ไมอามี และลงเอยด้วยการเล่นให้ ไมอามี เรดฮอว์คส์ 

 

          ในสองปีแรกกับ เรดฮอว์คส์ รอธลิสเบอร์เกอร์ มีสถิติขว้างเกิน 3 พันหลาทั้งสองฤดูกาล แต่ก็จบฤดูกาลด้วยสถิติ 7-5 ไม่ได้เล่นในโบว์ลเกมใด ๆ

 

          กระทั่งในปี 2003 "บิ๊กเบน" ก็นำ เรดฮอว์คส์ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในทีมหัวแถวในระดับมหาวิทยาลัย ด้วยสถิติ 4,486 หลา 37 ทัชดาวน์ จนจบฤดูกาลด้วยสถิติ 13-1 รั้งอันดับ 10 ใน AP Poll

 

          ตามด้วยชัยชนะเหนือ หลุยส์วิลล์ ใน GMAC Bowl เป็นชัยชนะในโบว์ลเกมครั้งแรกของทีม นับแต่ปี 1975 และทีมก็ไม่เคยไปถึงระดับนั้นได้อีกเลย นับแต่เจ้าตัวเรียนจบ และถูกดราฟท์เข้าสู่ NFL
 

รุกกี้แห่งปี

(“บิ๊กเบน” เป็นควอเตอร์แบ็กคนที่สามที่ถูกดราฟท์ในปี 2004 แต่แจ้งเกิดด้วยการนำทีมเข้าชิงแชมป์สายได้ในทันที / ภาพ USA Today)

          ในการดราฟท์ปี 2004 พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ใช้สิทธิ์ในรอบแรก เลือก รอธลิสเบอร์เกอร์ เข้าสู่ทีม  เป็นอันดับ 11 จากทั้งหมด และอันดับ 3 ในบรรดาควอเตอร์แบ็กปีนั้น

          (อีกสองคนคือ อีไล แมนนิง ที่ ซานดิเอโก ชาร์จเจอร์ส เลือกในอันดับ 1 กับ ฟิลิป ริเวอร์ส ที่ นิวยอร์ค ไจแอนท์ส เลือกในอันดับ 4 ก่อนทั้งสองทีมจะเทรดแลกกัน โดย ไจแอนท์ส ต้องยอมเสียสิทธิ์ดราฟท์รอบ 3 ในปีนั้น และสิทธิ์รอบแรกกับรอบ 5 ในปีถัดไปให้ ชาร์จเจอร์ส ด้วย)

 

          ทั้ง แมนนิง และ ริเวอร์ส ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นควอเตอร์แบ็กชั้นนำในเวลาต่อมาเช่นกัน

 

          แต่ในรายของ รอธลิสเบอร์เกอร์ นั้น เจ้าตัวแจ้งเกิดกับทีมได้ทันที เมื่อ ทอมมี แมดดอกซ์ ควอเตอร์แบ็กตัวจริงของ สตีลเลอร์ส เจ็บตั้งแต่เกมนัดที่สองของฤดูกาล

 

          ในการลงสนาม 13 นัดแรกในฐานะตัวจริง รอธลิสเบอร์เกอร์ พาทีมมีสถิติชนะ 100% ทำระยะ 2,621 หลา 17 ทัชดาวน์ และ 11 อินเทอร์เซปต์ และผ่านเข้าชิงแชมป์สาย AFC ก่อนแพ้ นิวอิงแลนด์ เพเทรียทส์ พลาดเข้าชิงซูเปอร์โบว์ลอย่างน่าเสียดาย

 

          แต่ผลงานดังกล่าวก็ส่งให้ "บิ๊กเบน" คว้ารางวัลรุกกี้ยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลไปครอง

 

แหวนซูเปอร์โบว์ล
(หลังจากผิดหวังมาในปีแรก “บิ๊กเบน” ก็ได้แหวนซูเปอร์โบว์ลวงแรกมาครองในฤดูกาลถัดมา / ภาพ Pittsburgh Steelers)

          ความฮอตของ รอธลิสเบอร์เกอร์ ในฤดูกาลที่สองอาจลดลงไปบ้าง เพราะจากทีมที่มีสถิติอันดับ 1 ของสายเมื่อปีก่อน กลายเป็นทีมอันดับ 6 ซึ่งต้องลงเล่นในรอบไวลด์คาร์ดก่อน

 

          แต่กลายเป็นว่าเมื่อต้องออกไปเยือนในทุกนัด ทีมกลับแก้ตัวจากฤดูกาลก่อนสำเร็จ

 

          เอาชนะทั้ง ซินซินเนติ เบงกอลส์ (อันดับ 3) อินเดียนาโปลิส โคลท์ส (อันดับ 1) และ เดนเวอร์ บรองโกส์ (อันดับ 2) ผ่านเข้าชิงซูเปอร์โบว์ล และเอาชนะ ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส์ แชมป์ NFC 21-10 คว้าแหวนวงแรกในชีวิตการเล่น เพียงแค่ปีที่สองที่เข้าสู่ลีก

 

          สามปีถัดมา "บิ๊กเบน" ก็คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลหนที่สองในชีวิต แม้ สตีลเลอร์ส จะเจอกับโปรแกรมที่ประเมินกันว่ายากที่สุดในรอบ 30 ปีก็ตาม

 

          คราวนี้ สตีลเลอร์ส จบฤดูกาลปกติในฐานะแชมป์สาย AFC North และได้บายในรอบไวลด์คาร์ด

 

          ส่วนในโพสต์ซีซัน รอธลิสเบอร์เกอร์ มีสถิติขว้าง 692 หลา 3 ทัชดาวน์ และ 1 อินเทอร์เซปต์

 

          หนึ่งในนั้น คือทัชดาวน์สำคัญที่ขว้างให้ ซานโตนิโอ โฮล์มส์ รับ ทำแต้มแซง แอริโซนา คาร์ดินัลส์ ขณะเหลือเวลาอีกสองนาที ก่อนยันสกอร์ 27-23 ไว้ได้จนหมดเวลา

 

ด้านมืด
(เรื่องฉาวกับหญิงสาวสองคนทำให้ The Onion สื่อแนวเสียดสีล้อเลียน แซวว่าอนุสาวรีย์ของ “บิ๊กเบน” ควรตั้งไว้ในห้องน้ำหญิง / ภาพจาก The Onion)

          แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็เกิดเหตุการณ์ฉาวขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเจ้าตัวมาจนทุกวันนี้

 

          ในปี 2009 แอนเดรีย แม็คนัลตี พนักงานของโรงแรม Harrah's กล่าวหาว่า "บิ๊กเบน" ขืนใจเธอที่ห้องพักในโรงแรม หลังเรียกให้เธอไปที่ห้อง เพราะโทรทัศน์มีปัญหา

 

          สุดท้าย หลังจากยืดเยื้อมานานสามปี คดีนี้ก็จบลงด้วยกันที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ในปี 2012 โดยที่ รอธลิสเบอร์เกอร์ ไม่ถูกลงโทษใด ๆ จาก NFL หรือต้นสังกัด

 

          แต่หลังจากเรื่องฉาวกับ แม็คนัลตี เป็นประเด็นได้ไม่นาน ชื่อของ "บิ๊กเบน" ก็ถูกโยงกับคดีข่มขืนอีกครั้ง ในปี 2010

 

          คราวนี้เป็นนักศึกษาหญิงรายหนึ่ง ที่อ้างว่าเธอถูกขืนใจในห้องน้ำของไนท์คลับ หลังจากเขาชวนเธอและเพื่อน ๆ ไปนั่งดื่มกันในโซนวีไอพีของร้าน

 

          แม้จะให้การปฏิเสธ และหลักฐานที่ใช้ในการตรวจสอบก็ไม่พบข้อมูล DNA มากพอสำหรับใช้ในการดำเนินคดี แต่เจ้าตัวกลับยอมรับว่าได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวคนดังกล่าวจริง

 

          สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว เพราะหญิงสาวคู่กรณียืนกรานว่าไม่ต้องการให้มีการสืบสวนต่อ จน เฟร็ด ไบรท์ อัยการที่ดูแลคดีนี้ ไม่สามารถดำเนินการฟ้องร้องได้

 

          แม้จะไม่ถูกเอาผิดใด ๆ ตามกฎหมาย จากทั้งสองกรณี แต่ รอธลิสเบอร์เกอร์ ก็ไม่อาจเคลียร์ตัวเองให้มีภาพลักษณ์เป็นผู้บริสุทธิ์ได้

 

          และ "บิ๊กเบน" ยังถือเป็นผู้เล่น NFL รายแรก ๆ ที่ถูกเอาผิดทางวินัยจากเหตุการณ์นอกสนาม ด้วยคำสั่งแบน 6 นัด ก่อนลดเหลือ 4 นัดในเวลาต่อมา

 

ขาลง
(เกมสุดท้ายในชีวิตของ “บิ๊กเบน” คือการแพ้ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ แบบหมดรูป / ภาพจาก ESPN)

          ในปีนั้น รอธลิสเบอร์เกอร์ ยังพา สตีลเลอร์ส ผ่านเข้าถึงซูเปอร์โบว์ล เป็นครั้งที่สามในชีวิตการเล่น ขณะที่ทีมม่านเหล็กก็ทำสถิติเข้าชิงแชมป์มากที่สุด คือ 8 ครั้งเท่ากับ ดัลลัส คาวบอยส์

 

          แต่หนนี้ "บิ๊กเบน" และทีมพ่ายแพ้ให้กับ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ที่นำโดยควอเตอร์แบ็กรุ่นน้อง แอรอน รอดเจอร์ส ไป 25-31

 

          และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ รอธลิสเบอร์เกอร์ กับ สตีลเลอร์ส เข้าใกล้ความสำเร็จมากที่สุด

 

          เพราะหลังจากนั้น แม้ทีมจะยังรักษามาตรฐานในฐานะทีมระดับหัวแถวของ AFC ไว้ได้ แต่ก็มักจะตกม้าตายในรอบเพลย์ออฟแต่เนิ่น ๆ เสมอ

 

          ขณะที่ตัว "บิ๊กเบน" เองก็เจอปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้าบ่อยครั้งขึ้น รวมถึงการไม่ลงรอยกับโค้ชทีมบุก และผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาในทีมเป็นระยะ

 

          และหลังจากแบกทีมมานานหลายปี ในที่สุด สภาพร่างกายที่ไปต่อไม่ไหว ก็เป็นสาเหตุให้เจ้าตัวตัดสินใจจะเลิกเล่นอย่างเป็นทางการ หลังจบเกมไวลด์คาร์ดกับ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ในปีนี้

 

ว่าที่ฮอลล์ ออฟ เฟม
(ในอีก 5 ปีข้างหน้า “บิ๊กเบน” จะได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศหรือไม่? ภาพจาก ESPN)

          แม้จะมีรอยด่างจากเรื่องนอกสนาม ซึ่งไม่ได้รับการพิสูจน์

 

          แต่ถ้าว่ากันในเรื่องของสถิติและผลงานแล้ว รอธลิสเบอร์เกอร์ น่าจะดีพอสำหรับการได้รับเกียรติเข้าสู่หอเกียรติยศของ NFL ในอีกห้าปีนับจากนี้

 

          "บิ๊กเบน" มีค่าเฉลี่ยขว้างสำเร็จ 64.4% ทำระยะ 63,844 หลา 417 ทัชดาวน์ 210 อินเทอร์เซปต์ แชมป์ซูเปอร์โบว์ล 2 สมัย ติดทีมโพรโบว์ล 6 ครั้ง ไม่เคยติดออลโปร

 

          ขณะที่ค่าเฉลี่ยควอเตอร์แบ็กในโพรโบว์ล คือขว้างสำเร็จ 59.1% ระยะ 38,166 หลา 260 ทัชดาวน์ 195 อินเทอร์เซปต์ แชมป์ซูเปอร์โบว์ล 2 สมัย ติดทีมโพรโบว์ล 7 ครั้ง ติดออลโปร 2 ครั้ง

 

          ถ้าไม่นับเรื่องไม่เคยติดออลโปร "บิ๊กเบน" ถือเป็นแคนดิเดทในการเข้าสู่หอเกียรติยศแบบสบาย ๆ

 

          ในระดับใกล้เคียงหรือเหนือกว่าผู้เล่นระดับตำนาน อย่าง แดน มาริโน, จอห์น เอลเวย์, โจ มอนทานา หรือ เทอร์รี แบรดชอว์ ด้วยซ้ำ

 

          หลายอาจท้วงว่า "บิ๊กเบน" ได้เปรียบควอเตอร์แบ็กเหล่านี้ เพราะลงเล่นในยุคที่เอื้อกับเกมขว้างมากกว่า

 

          แต่ถ้าลองเทียบกับควอเตอร์แบ็กฮอลล์ออฟเฟม จากยุค 2000 เป็นต้นไป อย่าง เพย์ตัน แมนนิง, เบรทท์ ฟาฟร์ หรือ เคิร์ท วอร์เนอร์

 

          เจ้าตัวก็มีผลงานสูสีกับกลุ่มนี้อยู่ดี ขาดเพียงแค่การติดออลโปร และเป็น MVP เท่านั้น

 

          ส่วนการเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ ไม่มีการบัญญัติเรื่องปัญหาด้านพฤติกรรมนอกสนามหรือศีลธรรมไว้ จึงขึ้นกับผู้มีสิทธิ์โหวตและเสนอชื่อ ว่าจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาว่าเขาเหมาะสมหรือไม่

 

          หรือต่อให้ไม่ถูกรับเลือก สำหรับแฟน ๆ สตีลเลอร์ส แล้ว ผลงานสองซูเปอร์โบว์ลสุดมหัศจรรย์ และการแบกทีมไว้นานกว่าสิบปี โดยไม่เคยย้ายไปไหน ก็น่าจะเพียงพอทำให้เจ้าตัวเป็นตำนานของทีมได้ โดยไม่ต้องรอให้ใครมายกย่องอยู่ดี

--------------------

SOURCE

ข่าวล่าสุด

เลิกวนลูป! ส่อง 3 เป้าหมายยอดนิยมที่คนไทยตั้งไว้ทุกต้นปี เป็นจริงได้อย่างไร?