ลีอา โธมัส หญิงข้ามเพศ ผู้ท้าทายวงการว่ายน้ำอเมริกัน
ลีอา โธมัส อาจไม่ใช่นักว่ายน้ำหญิงที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แต่การปรากฎตัวของเธอ อาจมีบทบาทสำคัญกับวงการกีฬาสหรัฐฯ และของโลก ว่าท้ายที่สุด เราควรวางตำแหน่งหญิงข้ามเพศไว้ตรงไหนในโลกของการแข่งขัน
Highlights
- สองปีก่อน วิล โธมัส คือนักกีฬาว่ายน้ำดาวรุ่งแถวหน้าของวงการกีฬาระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ แต่การตัดสินใจดร็อปเรียน และเข้ารับฮอร์โมนเพศหญิงเป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนกลับมาในฐานะ ลีอา โธมัส กลับสร้างความฮือฮายิ่งกว่า
- จากฉลามหนุ่ม กลายเป็นเงือกสาว ลีอา เปิดตัวด้วยชัยชนะ 2 รายการรวด พร้อมเสียงวิจารณ์หนาหูว่าเธอใช้ความได้เปรียบจากสภาพร่างกายและกล้ามเนื้อที่เหนือกว่านักว่ายน้ำหญิงคนอื่น ๆ
- แรงกระเพื่อมจากการลงสระของ ลีอา ยังอาจส่งผลกว้างกว่าที่คิด เมื่อทีมว่ายน้ำสหรัฐฯ และ NCAA ที่ควบคุมดูแลการแข่งขันกีฬาระดับมหาวิทยาลัย ต้องกลับมาทบทวนกฎเกณฑ์ปัจจุบัน ว่าเหมาะสมหรือไม่ เช่นเดียวกับการถกเถียงจากมุมมองของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
--------------------
ลีอา โธมัส อาจยังไม่ใช่นักกีฬาระดับแถวหน้าของวงการว่ายน้ำในปัจจุบัน
แต่ในอนาคต ชื่อของนักว่ายน้ำหญิงข้ามเพศรายนี้ อาจเป็นกรณีศึกษาที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาจต้องนำมาพิจารณา และนำไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญของวงการกีฬาก็ได้
เมื่อ ลีอา หรือชื่อเดิมคือ วิล โธมัส ได้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เพื่อลงแข่งขันว่ายน้ำในระดับมหาวิทยาลัยของ NCAA ในฐานะนักกีฬาหญิง และคว้าแชมป์ในประเภทฟรีสไตล์ 200 และ 500 เมตร มาครอง
พร้อมสร้างเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ ๆ ขึ้นในใจหลายคนที่เกี่ยวข้อง ว่า "เธอ" มีความได้เปรียบทางกายภาพ เหนือนักว่ายน้ำคนอื่น ๆ ในสนามหรือไม่?
ลอเรล ฮับบาร์ด ผู้ทลายกำแพงนักกีฬาข้ามเพศ
ย้อนกลับไปในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ลอเรล ฮับบาร์ด นักกีฬายกน้ำหนักชาวนิวซีแลนด์ คือนักกีฬาหญิงข้ามเพศคนแรกที่ได้เข้าร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ
ลอเรล หรือชื่อเดิมคือ เกวิน เป็นนักยกน้ำหนักดาวรุ่ง ที่ตัดสินใจหันหลังให้วงการกะทันหัน ก่อนตัดสินใจเข้ารับการแปลงเพศ
แต่หลังจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ประกาศอนุญาตให้นักกีฬาข้ามเพศสามารถลงแข่งขันได้ หากคุมปริมาณฮอร์โมนเพศชายให้อยู่ในกำหนดได้ต่อเนื่อง 12 เดือนก่อนเข้าแข่งขัน
ลอเรล ก็ตัดสินใจกลับมาฝึกฝนเพื่อตามล่าฝันของตนอีกครั้ง ในฐานะนักกีฬาหญิงข้ามเพศ จนกลายเป็นนักกีฬาแถวหน้าของวงการ และได้สิทธิ์เข้าร่วมในโอลิมปิกที่โตเกียวในที่สุด
แต่ระหว่างทาง ลอเรล ก็ต้องเจอการต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย แม้แต่หญิงชาวนิวซีแลนด์ยังรวมตัวกันล่ารายชื่อ เพื่อให้ถอดเธอออกจากการเป็นตัวแทนของประเทศในโอลิมปิก
สุดท้าย ลอเรล ก็ได้รับโอกาสเข้าร่วมแข่งขัน แม้จะจบลงโดยไม่มีเหรียญติดมือ แต่ชื่อของเธอก็ถูกบันทึกในฐานะนักกีฬาหญิงข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์โอลิมปิก
จาก วิล สู่ ลีอา
วิล โธมัส เป็นเด็กหนุ่มจากเมืองออสติน ในรัฐเท็กซัส และเริ่มฝึกว่ายน้ำตั้งแต่เข้าเรียนอนุบาล
วิล และ เวส โธมัส พี่ชายซึ่งอายุมากกว่า 4 ปี จัดเป็นนักว่ายน้ำระดับแถวหน้าของประเทศในระดับมัธยม จนได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียทั้งคู่
วิล ลงแข่งในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัย ระหว่างปี 2017-2020 ในฐานะนักกีฬาชายมาโดยตลอด และถือเป็นหนึ่งในนักว่ายน้ำชั้นแนวหน้า ในรายการระดับไอวีลีก ด้วยการคว้าเหรียญเงินถึงสามรายกาาร ในท่าฟรีสไตล์ 500, 1,000 และ 1,650 เมตร ระหว่างเป็นนักศึกษาปีสอง
ปัญหาของ วิล คือแม้ภายนอกจะเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกว่าตัวตนแท้จริงถูกกำหนดไว้โดยรูปร่างภายนอก
ระหว่างเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมน วิล ยังกลับมาลงแข่งให้ทีมมหาวิทยาลัยเป็นระยะ จนเมื่อโควิด-19 เริ่มระบาดหนักเมื่อสองปีก่อน ทำให้การแข่งระดับไอวีลีกต้องถูกระงับชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี
เธอก็ตัดสินใจดร็อปการเรียนเมื่อปีที่แล้ว เพื่อรักษาสิทธิ์ในการแข่งปีสุดท้ายเอาไว้ และกลับมาเรียนต่อเมื่อเดือนสิงหาคม เนื่องจากตามกฎของไอวีลีก นักศึกษาที่เรียนจบแล้วจะไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้
แต่การกลับมาในฐานะ ลีอา แทนที่จะเป็น วิล เพื่อลงแข่งกับนักกีฬาหญิง ก็ทำให้หลายคนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับนักกีฬาคนอื่น
เพราะสถิติระดับชาติของนักกีฬาหญิงในประเภทฟรีสไตล์ 500 เมตร นั้น ช้ากว่าสถิติส่วนตัวของ วิล ก่อนจะเริ่มรับการบำบัดด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน มากกว่า 15 วินาทีด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง มวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของ ลีอา (หรือ วิล) เมื่อเข้ารับการเสริมฮอร์โมนเพศหญิง และลดฮอร์โมนเพศชายลง ก็ลดลงซึ่งส่งผลต่อระดับการว่ายของเธอไปด้วย
"ฉันไม่ค่อยมั่นใจอนาคตของตัวเองในวงการว่ายน้ำ ว่าจะยังได้รับอนุญาตให้ลงแข่งต่อรึเปล่า ฉันแค่อยากลงว่าย อยากแข่งขัน และทดสอบตัวเองว่าจะว่ายได้เร็วขนาดไหน หลังจากเปลี่ยนผ่านตัวเอง และเข้ารับการฝึกฝนในอีกรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม"
การลงสระในฐานะนักว่ายน้ำข้ามเพศของ ลีอา เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เป็นประเด็นขึ้นมาทันที เมื่อเธอเป็นผู้ชนะในประเภทฟรีสไตล์ 200 และ 500 เมตร พร้อมทำลายสถิติในระดับมหาวิทยาลัย
ตามมาด้วยกระแสวิจารณ์บนโลกโซเชียล พร้อมแฮชแท็ก #SexBasedSports! และ #SexNotGender
เมื่อทุกคนมองว่าร่างกายของ ลีอา นั้นแข็งแรงกว่านักกีฬาหญิงทั่วไป แม้ ลีอา จะปฏิบัติตามกฎของ NCAA เรื่องการควบคุมฮอร์โมนเพศชายตลอดหนึ่งปี ก่อนลงแข่งก็ตาม
ข้ามเพศ = โด๊ป?
เรื่องราวของ ลีอา นับแต่นั้น ก็เป็นประเด็นต่อเนื่องมาตลอด
โดยเฉพาะการแพ้ให้กับ ไอแซ็ค เฮนิก นักว่ายน้ำข้ามเพศที่แปลงเพศจากหญิงเป็นชาย ในประเภทฟรีสไตล์ 100 หลา และว่ายผลัดฟรีสไตล์ 400 หลา เมื่อต้นเดือนมกราคม ที่ Daily Mail แท็บลอยด์ฝั่งอนุรักษ์นิยมในอังกฤษ เลือกใช้คำว่า "CRUSHED" คล้ายจะเป็นการตอกย้ำความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นพิเศษ
เฮนิก คือนักกีฬาหญิงที่แปลงเพศเป็นชาย ซึ่งผ่านการผ่าตัดหน้าอกออกแล้ว แต่ได้รับอนุญาตให้ลงแข่งรายการนี้ได้ หลังยอมหยุดรับฮอร์โมนเพศชาย 1 ปี เพื่อลงแข่งให้ทีมหญิง
หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน ยังอ้างว่าเพื่อนร่วมทีมของ ลีอา หลายราย เคยคิดจะบอยคอตต์การแข่งขันเช่นกัน แต่เลือกจะไม่ทำ เพราะเกรงจะถูกมองว่าเป็นพวกเหยียดเพศ และอาจถูกแบนจากการแข่งขันไอวีลีก ในเดือนกุมภาพันธ์
ขณะที่ จอห์น ลอห์น บรรณาธิการบริหารของ Swimming World นิตยสารเก่าแก่ ที่นำเสนอข่าวสารในวงการว่ายน้ำสหรัฐฯ มานานกว่าครึ่งศตวรรษ ก็เปรียบเทียบกรณีของ ลีอา ว่าไม่ต่างอะไรกับการมีนักกีฬาใช้สารกระตุ้นในสระ
ลอห์น มองว่าแม้ ลีอา จะใช้ฮอร์โมนเพศหญิงเพื่อปรับสภาพร่างกายแล้ว แต่กล้ามเนื้อที่ถูกฝึกฝนมาตลอด 20 ปี ในฐานะผู้ชาย ก็ทำให้เจ้าตัวได้เปรียบกว่านักกีฬาหญิงคนอื่น ๆ ในสระ
ไม่ต่างจาก คริสติน ออตโต้ อดีตแชมป์โลก 7 สมัยจากเยอรมนีตะวันออก ที่ครองความยิ่งใหญ่ในวงการระหว่างทศวรรษที่ 70 และ 80 ด้วยผลจากการใช้สารกระตุ้น
ลอห์น ยังยกตัวอย่างสถิติฟรีสไตล์ 500 เมตร ของ เพจ แมดเดน ตัวแทนทีมหญิงสหรัฐฯ ในโตเกียวเกมส์ ที่ 4:33.61 นาที
ขณะที่สถิติของ โธมัส (ในตอนที่ยังใช้ชื่อ วิล) นั้น ก็อยู่ในระดับต่ำกว่า 4 นาที 20 วินาทีแล้ว และแม้จะดร็อปลงไปบ้างจากผลของฮอร์โมน แต่ในการแข่งขันที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าร่างกายของเธอนั้นยังเหนือกว่ามาก
พร้อมทิ้งท้ายว่านี่ควรเป็นกรณีศึกษาที่ NCAA ต้องนำมาพิจารณา เพื่อความเท่าเทียมของนักกีฬาทุกคนในสนาม
การถกเถียงที่ยังไม่สิ้นสุด
แม้ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศจะก้าวหน้าไปมากในหลาย ๆ ด้านแล้ว
แต่การเปิดกว้างให้นักกีฬาข้ามเพศลงแข่งขันกับนักกีฬาอื่น ๆ ก็ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่สิ้นสุด ว่าผู้จัดควรยึดถือมุมใดระหว่าง เรื่องทางกายภาพ (sex) หรือ บทบาทและพฤติกรรมทางสังคม (gender) เป็นหลัก
แม้ไอโอซี หรือแม้แต่ NCAA จะมีแนวโน้มให้การสนับสนุนอย่างหลัง แต่ในไอดาโฮ ก็เป็นรัฐแรกในสหรัฐฯ ที่ประกาศห้ามนักกีฬาหญิงข้ามเพศ ลงแข่งขันร่วมกับนักกีฬาหญิงอื่น ๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว และนำมาสู่การร้องเรียนโดยผู้ได้รับผลกระทบให้ระงับใช้กฎหมายดังกล่าว
แม้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจะถูกระงับชั่วคราว แต่ บาร์บารา เอฮาร์ดท สมาชิกสภาผู้แทนและตัวแทนของรัฐไอดาโฮ ยังยืนกรานสนับสนุนแนวคิดนี้
เอฮาร์ดท ซึ่งเป็นอดีตโค้ชทีมบาสเกตบอลหญิงในระดับมหาวิทยาลัย ยืนยันว่านี่คือการปกป้องสิทธิของเพศหญิงที่เธอและหลาย ๆ คน พยายามต่อสู้มาตลอด และหากยอมลดราวาศอก วันหนึ่ง นักกีฬาหญิงอาจกลายเป็นเพียงผู้ชมในสนามที่พวกเธอควรจะได้รับโอกาสลงเล่น
ปัจจุบัน มีข้อมูลเรื่องนักกีฬาข้ามเพศไม่กี่รายเท่านั้น จากจำนวนนักกีฬาระดับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เกือบ 5 แสนคน ที่ลงทะเบียนกับ NCAA
แต่กรณีของ ลีอา รวมถึง จูนิเพอร์ อีสต์วูด นักกรีฑาจากมหาวิทยาลัยมอนตานา และ ซีซี เทลเฟอร์ จากแฟรงคลิน เพียร์ซ ก็ล้วนถูกจับตามองเป็นพิเศษ
เพราะกล้ามเนื้อและสภาพร่างกายที่แตกต่างทำให้พวกเธอมีผลงานโดดเด่นกว่านักกีฬาหญิงคนอื่น ๆ
นั่นหมายถึง ในอนาคตยังจะต้องมีการแก้ไขกฎของสมาคมต่าง ๆ รวมถึงกฎหมายในแต่ละรัฐ และประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกัน
สมาคมว่ายน้ำของสหรัฐฯ เผยว่าจะทบทวนกฎที่เกี่ยวข้องกับนักกีฬาข้ามเพศอีกครั้ง ซึ่งแปลว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ขณะที่ NCAA ก็เพิ่งปรับแก้กฎสำหรับนักกีฬาหญิงข้ามเพศใหม่ จากการบังคับใช้ยาระงับฮอร์โมนเพศชายติดต่อกัน 12 เดือน
เป็นการตรวจวัดระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนว่าอยู่ในเกณฑ์เดียวกับที่กำหนดไว้ในการแข่งขันกีฬาระดับชาติหรือไม่แทน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที ในเดือนมีนาคมนี้ ตรงกับช่วงเวลาที่ ลีอา จะลงแข่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับมหาวิทยาลัยทันที
ซี่งเมื่อถึงเวลานั้น ชื่อของนักว่ายน้ำหญิงข้ามเพศรายนี้ จะถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง ไม่ว่าเธอจะแพ้ ชนะ หรือแม้แต่ถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้เข้าร่วม เพราะสภาพร่างกายที่เธอไม่ได้เป็นผู้เลือกก็ตาม
--------------------
SOURCE
- As Lia Thomas Swims, Debate About Transgender Athletes Swirls
- Who Should Compete in Women’s Sports? There Are ‘Two Almost Irreconcilable Positions’
- ‘Boys Are Boys and Girls Are Girls’: Idaho Is First State to Bar Some Transgender Athletes
- Without NCAA Action, the Effects of Lia Thomas Case Are Akin to Doping
- New Zealand’s Laurel Hubbard makes history as first transgender woman to compete at Olympics
- Who is Lia Thomas' brother Wes? Trans swimmer's sibling broke records for UPenn Men's team
- ฮอร์โมนสำหรับหญิงข้ามเพศ ( Hormones for Transgender women)
- Trans UPenn swimmer Lia Thomas is CRUSHED twice in Ivy League women's swim meet by Yale competitor Iszac Henig, who is transitioning from female to male


