posttoday

ผู้พิพากษาอาวุโสยื่นศาลฎีกายกเลิก บ.ย.ส.–งดอบรมหลักสูตรนอกศาล

09 ธันวาคม 2568

“บุญเขตร์–อนุรักษ์” ทำบันทึกถึงประธานศาลฎีกา ยกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส.งดส่งผู้พิพากษาอบรมหลักสูตร วปอ.–ป.ป.ร.–วตท.ชี้เปิดช่องระบบอุปถัมภ์ กระทบกระบวนยุติธรรม

KEY

POINTS

  • ผู้พิพากษาอาวุโส 2 ราย ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ขอให้พิจารณายกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.)
  • เสนอให้มีนโยบายห้ามผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรนอกศาลทุกประเภท

ผู้พิพากษาอาวุโส 2 ราย ได้แก่ นายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และนายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาศาลฎีกา ทำบันทึกข้อความลงวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ยื่นต่อประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ขอให้ยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และห้ามผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรนอกศาลหลายประเภท อาทิ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.) หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ป.ป.ร.) และหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.)

ทั้งสองระบุว่า ข้อเสนอครั้งนี้เป็นการย้ำเจตนารมณ์ตามบันทึกข้อความที่ได้ยื่นไว้ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 14 มกราคม และ 10 มิถุนายน 2568 ซึ่งมีผลสำรวจความเห็นผู้พิพากษาจำนวนมากสะท้อนว่าหลักสูตร บ.ย.ส. ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อศาลยุติธรรม และมีเสียงสนับสนุนจากบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพเรียกร้องให้ยกเลิกหลักสูตรลักษณะเดียวกัน เนื่องจากถูกมองว่าใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า และไม่ตอบวัตถุประสงค์ของการพัฒนาบุคลากรตุลาการ

บันทึกดังกล่าวชี้ว่า กระแสสังคมในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีภาพข่าวบุคคลสำคัญระดับสูงจากหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนปรากฏร่วมกับผู้ต้องสงสัยคดีอาญาร้ายแรง ได้ทำให้เกิดข้อกังวลว่าหลักสูตรประเภทนี้อาจสร้างเครือข่ายและความเชื่อมโยงที่ไม่เหมาะสม จนบั่นทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม และอาจส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ รวมถึงการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

ในบันทึกยังอ้างถึงความคิดเห็นของ Prof. Dr. Gabriele Britz ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายมหาชนและอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนี ซึ่งร่วมเสวนากับสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 โดยระบุว่า การสร้างหลักนิติธรรมและนิติรัฐจำเป็นอย่างยิ่งที่ศาลต้องหลีกเลี่ยงหลักสูตรที่เปิดช่องให้เกิดเครือข่ายกับบุคคลภายนอก ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอที่ผู้พิพากษาทั้งสองได้ยื่นต่อศาลฎีกา

ทั้งสองผู้พิพากษา เน้นว่า ศาลยุติธรรมควรเป็นแบบอย่างด้านความสุจริต ความโปร่งใส และหลักนิติธรรม เพื่อรักษาศรัทธาของประชาชน พร้อมย้ำว่าการตัดวงจรอุปถัมภ์เป็นสิ่งจำเป็นในการคงความเป็นกลางและความเชื่อถือของสาธารณชนต่อกระบวนการยุติธรรม

ท้ายที่สุด ทั้งสองขอให้ประธานศาลฎีกาพิจารณายกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส. และกำหนดนโยบายไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรนอกศาลทั้งหมดที่มีลักษณะเดียวกัน โดยระบุว่านี่คือการยกระดับมาตรฐานศาลยุติธรรมและตอบสนองต่อความคาดหวังของสังคมในยุคที่ต้องการความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือสูงสุด

ที่มา : บันทึกข้อความ (คลิ๊กอ่าน)

ข่าวล่าสุด

‘บากบั่น บุญเลิศ’ รองประธานฯเครือเนชั่นคว้า "รางวัลพ่อดีเด่นแห่งชาติปี 68"