posttoday

วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ เปิดจุดอ่อนรัฐไทย บทเรียนสู่การปฏิรูปใหญ่

02 ธันวาคม 2568

ภัยครั้งประวัติศาสตร์ในหาดใหญ่ไม่เพียงทำลายเศรษฐกิจใต้ ยังสะท้อนปัญหาบริหารภัยพิบัติของไทยทั้งระบบ รัฐบาลถูกบีบให้ปรับยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและป้องกันใหม่ทั้งหมด

KEY

POINTS

  • มหาอุทกภัยที่หาดใหญ่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจรุนแรงกระทบทั้งภูมิภาคภาคใต้ ไม่ใช่แค่ภัยพิบัติท้องถิ่น
  • วิกฤตการณ์ได้เปิดโปงจุดอ่อนในการบริหารจัดการภัยพิบัติของรัฐบาล ทั้งระบบเตือนภัย การขาดเอกภาพในการสั่งการ (Single Command) และช่องว่างความเชื่อมั่นกับประชาชน
  • เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ชี้ว่ามาตรการเยียวยาเฉพาะหน้าไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคต

มหาอุทกภัยที่พัดถล่มจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะ “หาดใหญ่–สงขลา” ไม่เพียงกวาดล้างชุมชน ธุรกิจ และสาธารณูปโภค หากยังเปลี่ยนภูมิทัศน์เศรษฐกิจของภาคใต้ทั้งภูมิภาคไปอย่างสิ้นเชิง น้ำระดับสามเมตรที่ขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงได้เผย “ความจริงอันโหดร้าย” ว่าระบบเตือนภัยและการบริหารจัดการภัยพิบัติของไทยยังไม่พร้อมรับมือปรากฏการณ์สุดขั้วของยุคโลกเดือดอีกต่อไป

ความรุนแรงที่เกินกว่าคาดการณ์: เศรษฐกิจใต้กระทบทั้งระบบ

หาดใหญ่ เมืองเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของภาคใต้ ถูกน้ำท่วมแบบฉับพลันจนหลายพื้นที่มิดหลังคา ตลาดกิมหยง–หัวใจการค้า ถูกทำลายแทบทั้งย่าน ความเสียหายไม่ได้จำกัดเฉพาะร้านค้าและบ้านเรือน แต่ลามถึงธุรกิจนำเข้า–ส่งออก โรงแรม คลังสินค้า และโครงข่ายการเดินทางของทั้งภูมิภาค

เศรษฐกิจสงขลาดึง GDP ใต้กว่า 3% และมีบทบาทเป็น “ศูนย์กลางซัพพลายเชน” ทั้งปัตตานี พัทลุง และนราธิวาส หากหาดใหญ่ล้มทั้งเมือง ห่วงโซ่เศรษฐกิจใต้จะชะงักตามเป็นโดมิโน

น้ำท่วมครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ภัยพิบัติท้องถิ่น แต่คือ “ภัยเศรษฐกิจระดับภูมิภาค”

วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ เปิดจุดอ่อนรัฐไทย บทเรียนสู่การปฏิรูปใหญ่

รัฐบาลอนุทินเผชิญแรงกดดันหนักที่สุดเสียงวิจารณ์ที่หนีไม่พ้น

รัฐบาลอนุทินเผชิญแรงกดดันหนักที่สุดตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง นายกฯ ลงพื้นที่หาดใหญ่หลายครั้ง แต่ยิ่งลงพื้นที่ เสียงประชาชนยิ่งดังขึ้นทั้งคำชื่นชมและคำวิจารณ์ที่รุนแรงถึงการบริหารงานที่ขาดเอกภาพ

นายกรัฐมนตรีได้ยอมรับ “ความบกพร่องเชิงระบบ” ทั้งในส่วนท้องถิ่น (เทศบาล–อบจ.) ส่วนจังหวัด (ผู้ว่าฯ–ฝ่ายความมั่นคง) และส่วนกลาง โดยยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ระบบ Single Command ไม่เข้มแข็งเหมือนช่วงโควิด”

ในอีกด้าน พรรคฝ่ายค้านนำโดยพรรคเพื่อไทยโจมตีหนักว่า
“รัฐบาลล้มเหลวซ้ำซาก ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากโควิด”

ขณะเดียวกัน ประชาชนจำนวนมากได้รับการแจ้งเตือน Cell Broadcast จริง แต่ยังไม่เชื่อว่าฝนจะหนักถึงขั้นท่วมทั้งเมือง จึงไม่อพยพทันเวลา ปรากฏการณ์นี้ชี้ชัดว่า “ช่องโหว่ความเชื่อมั่น” ระหว่างรัฐกับประชาชนยังลึกและกว้างอย่างน่ากังวล

วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ เปิดจุดอ่อนรัฐไทย บทเรียนสู่การปฏิรูปใหญ่

มาตรการเยียวยาเร่งด่วน: อัดมาตรการการเงิน–ภาษี–ชดเชย

รัฐบาลรีบออกชุดมาตรการฉุกเฉิน 8 ข้อ ตั้งแต่พักหนี้ 1 ปี เงินกู้เพื่อการยังชีพและซ่อมบ้านแบบปลอดดอกเบี้ย ไปจนถึง

  • เงินชดเชย 9,000 บาทต่อครัวเรือน
  • เยียวยาผู้เสียชีวิต 2 ล้านบาท (เฉพาะพื้นที่ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน–สงขลา)
  • บังคับบริษัทประกันจ่ายสินไหมเร็วขึ้น
  • มาตรการพิเศษเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs

แม้เป็นการอัดฉีดแรงเพื่อประคองประชาชน แต่คำถามสำคัญคือ เพียงพอหรือไม่ เมื่อหาดใหญ่ต้องฟื้นเมืองที่เสียหายเกือบทั้งโซนเศรษฐกิจ

สาธารณูปโภคพังทั้งระบบ: น้ำ–ไฟ–สัญญาณ และภูเขาขยะหลังน้ำลด

งานหนักที่สุดหลังน้ำลดคือการฟื้นฟูสาธารณูปโภค ไฟฟ้ากลับมาได้เร็วที่สุด แต่ระบบประปายังทำงานได้เพียง 45% เพราะท่อแตก–โคลนล้น–ระบบปั๊มเสียหาย

อีกภาระมหึมาคือ “ภูเขาขยะหลังน้ำท่วม” ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ ซากสัตว์ รถยนต์กว่า 8,000 คันที่ต้องยกออกจากถนน ประชาชนย้ายเองไม่ได้ รัฐต้องจัดกำลังเข้าลาก

หาดใหญ่กำลังสู้กับทั้ง “ขยะมหาศาล–โครงสร้างพัง–เศรษฐกิจหยุดนิ่ง” พร้อมกัน

โจทย์ใหญ่อนาคต: ฟื้นหาดใหญ่ต้องคิดใหม่ทั้งระบบ ไม่ใช่ซ่อมตามรอยเดิม

รัฐบาลกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อออกแบบ “แผนฟื้นฟูหาดใหญ่ครั้งใหญ่ที่สุด” เพราะการสร้างเมืองหลังมหาอุทกภัยต้องคิดทั้ง

  • ระบบผังเมือง
  • คลองระบายน้ำ
  • คลังพักน้ำ
  • ระบบเตือนภัย
  • สาธารณูปโภคใหม่ที่รองรับน้ำท่วมขนาด 300 มม./วัน
  • โมเดลบริหารภัยพิบัติแบบเสถียร (War Room–Single Command)

นี่คือเวลาที่ประเทศไทยต้องยอมรับว่า การซ่อมแซมเฉพาะหน้าไม่พออีกต่อไป หากไม่สร้าง “โครงสร้างใหม่” ความเสียหายครั้งนี้จะเกิดซ้ำและหนักกว่าเดิม

เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง 

ข่าวล่าสุด

GULF ผนึก Eni ลงนามซื้อ LNG เสริมมั่นคง พลังงานประเทศ