ทำความรู้จัก‘ธนดล สุวัณณะฤทธิ์’ ทนายเบน สมิธ สู่ทำเนียบรัฐบาล

ครม.แต่งตั้งเข้าสำนักนายกฯ

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เป็นข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ภายใต้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ถือเป็นการขยับจากสนาม “ตรวจสอบเชิงรุก” มาสู่โต๊ะยุทธศาสตร์ระดับทำเนียบ

ก่อนหน้านี้ ธนดลเป็นบุคคลใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และได้รับมอบหมายให้เป็น “มือกฎหมาย” ในหลายภารกิจ โดยเฉพาะการตรวจสอบการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งกลายเป็นผลงานเด่นระดับประเทศ

มือกฎหมายเบื้องหลังคดี “เบน สมิธ–รังสิมันต์ โรม”

หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อของธนดลกลับมาอยู่ในสื่อ คือการที่เขาในฐานะ ผู้รับมอบอำนาจจากนายเบน สมิธ นักธุรกิจชาวกัมพูชา และอดีตที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เดินทางไปยังศาลอาญา เพื่อยื่นฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน หลังการอภิปรายในสภาเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา

นายโรมกล่าวหาว่า นายเบน สมิธ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์จากกัมพูชา และฟอกเงินเข้าสู่ประเทศไทย

ธนดลจึงยื่นฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งศาลรับฟ้องแล้วทั้งสองส่วน โดยนัดสืบพยานคดีอาญาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 และนัดไกล่เกลี่ยคดีแพ่งในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

ธนดลชี้แจงว่า นายเบนไม่มีหมายจับ ไม่ได้หลบหนี แต่อยู่ในประเทศไทยเพื่อดำเนินธุรกิจ และยืนยันว่ารายชื่อที่สำนักงาน ก.ล.ต. เคยเผยแพร่ “ไม่ใช่บุคคลเดียวกัน” พร้อมปฏิเสธว่า การฟ้องครั้งนี้ไม่ใช่ “ฟ้องปิดปาก” แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียงทางธุรกิจ

เส้นทางจากฝ่ายค้านสู่ทำเนียบรัฐบาล

ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ปัจจุบันอายุ 30 ปี จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เริ่มต้นเส้นทางในแวดวงการเมืองตั้งแต่ปี 2562 ในฐานะ ผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ

ในปีเดียวกัน เขายังดำรงตำแหน่ง เลขานุการคณะกรรมาธิการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร และในปี 2563 ได้เป็น กรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.ปรับเป็นพินัย

จากนั้น ปี 2566 ผ่านการอบรม “หลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 44 (หลักสูตรอัยการจังหวัด)” ก่อนปลายปีเดียวกันจะได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมควบตำแหน่ง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาคราช และโฆษกหน่วยฯ กระทรวงเกษตรฯ

ยุทธศาสตร์ “ฟอกเงินนำ–อาญาหนุน” ยึดคืนที่ดินรัฐ

ผลงานที่ทำให้ชื่อของธนดลโดดเด่น คือการขับเคลื่อนการตรวจสอบการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ที่เชื่อมโยงกับนายทุนรายใหญ่ โดยเขาใช้กลยุทธ์บูรณาการระหว่าง ปปง. – DSI – บก.ป. – ปทส. เพื่อยกระดับการตรวจสอบจากข้อพิพาททางปกครองไปสู่คดีอาญา

ปฏิบัติการใหญ่ในจังหวัดสระแก้วสามารถ ยึดคืนที่ดินได้กว่า 3,771 ไร่ นำกลับมาจัดสรรให้เกษตรกรผู้ยากไร้กว่า 1,000 ครัวเรือน ถือเป็นผลงานเชิงรูปธรรมของแนวนโยบาย “คืนทรัพยากรให้ประชาชน”

แนวทางนี้ทำให้เขาได้รับฉายาในสื่อว่า “มือปราบ ส.ป.ก.” รุ่นใหม่ ที่กล้าใช้กฎหมายทางอาญาและการฟอกเงินเพื่อปิดช่องว่างทุจริตในระบบที่ดินของรัฐ

จากสนามลุยสู่ศูนย์อำนาจ

การย้ายเข้าสู่ทำเนียบฯ ถูกมองทั้งในมิติ “รางวัลทางการเมือง” และ “การจัดวางยุทธศาสตร์” ของรัฐบาลผสม หลังภารกิจตรวจสอบที่ดินเริ่มกระทบกลุ่มผลประโยชน์ระดับสูง

จากชายหนุ่มวัย 30 ผู้ลงพื้นที่กลางไร่ สู่ผู้แทนในศาลอาญา และล่าสุดบนเส้นทางราชการระดับทำเนียบฯ —

“ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” คือภาพแทนของนักกฎหมายรุ่นใหม่ที่ผสานอุดมการณ์ตรวจสอบกับความเข้าใจในกลไกอำนาจรัฐได้อย่างเฉียบคม และกำลังกลายเป็นหนึ่งในชื่อที่สังคมการเมืองไทยจับตามองมากที่สุดในปี 2568.