"อ้างลับสุดยอด"นายกฯอนุทินโยนสมช.แจงแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา
นายกฯอนุทิน ปัดตอบปมชายแดนไทย–กัมพูชา บ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว ชี้เป็นเรื่อง “ความลับสุดยอด” มอบเลขาฯ สมช.แถลงแทน ย้ำรัฐบาลพร้อมทุกด้าน
KEY
POINTS
- นายกฯ อนุทินปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอ้างว่าเป็นเรื่องความมั่นคงและเป็นความลับสุดยอด
- นายกฯ ได้มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้ชี้แจงแผนบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สระแก้ว แทน
- สมช. ได้ประชุมเพื่อพิจารณาแผนของกองทัพบกในการผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่ ซึ่งอาจมีการใช้กฎอัยการศึกภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยระบุว่าเป็น “เรื่องความมั่นคง” และเป็น “ความลับสุดยอด” ของทางราชการ พร้อมมอบหมายให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้แถลงรายละเอียดแทน
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม สมช. ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ว่าการหารือในวันนี้เป็นเรื่องของ “ความมั่นคงภายในประเทศ” โดยเฉพาะประเด็นชายแดน จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ “วันนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง ขอให้เลขาฯ สมช. เป็นผู้แถลงดีกว่า” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงโอกาสในการลงพื้นที่ชายแดนด้วยตนเอง นายอนุทินตอบเพียงว่า “จะลงในเวลาที่เหมาะสม เรามีความพร้อมทุกอย่าง” ส่วนกรณีแผนที่ที่กองทัพบกนำเสนอในการประชุม นายกฯ ปฏิเสธตอบคำถามโดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องลับสุดยอด ก่อนกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “มีความพร้อมครับ”
เมื่อสื่อมวลชนถามถึงความกังวลจากหลายฝ่ายว่าจะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน รวมถึงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในสายตานานาชาติ นายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถาม และเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากหน่วยความมั่นคงเผยว่า การประชุม สมช. ในวันนี้เป็นการประเมินสถานการณ์เชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในพื้นที่ชายแดน ภายหลังครบเส้นตายให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่ฝั่งไทยอพยพออก โดยรัฐบาลไทยยืนยันให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติการอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดระหว่างประเทศ
นายอนุทิน เป็นประธานในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 13/2568 ณ ห้องวิจิตรวาทการ ชั้น 3 สำนักงาน สมช.ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00น. โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาและอนุมัติ แผนบริหารจัดการสถานการณ์ชายแดน จ.สระแก้ว บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเป็นแผนที่เกี่ยวข้องกับการ ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่
ใช้กฎอัยการศึกภายใต้เงื่อนไขสิทธิมนุษยชน
แหล่งข่าวระบุว่า การประชุม สมช. ในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ประชุม สมช. ครั้งก่อนได้มอบหมายให้กองทัพไทยไปศึกษาเรื่องข้อกฎหมายในการดำเนินการ และเป็นที่มาของมติของ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ (ผบ.เหล่าทัพ) ที่เห็นชอบให้ใช้กฎอัยการศึก ควบคู่กับกฎหมายปกติ ในการดำเนินการกับสถานการณ์ชายแดน
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับมอบหมายให้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ไปจัดทำแผนโดยเฉพาะ และนำมาเสนอ สมช. อนุมัติในวันนี้ (10 ต.ค. 2568) โดยมีการกำหนดเงื่อนไขสำคัญว่า แผนดังกล่าวจะต้อง สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชน
รมว.ยุติธรรม รอแผนกองทัพบก
ก่อนการประชุม นายอนุทิน ได้กล่าวถึงแผนที่กองทัพบกจะเสนอเกี่ยวกับชาวกัมพูชาที่บริเวณบ้านหนองจานว่า จะขอดูรายละเอียดเนื้อหาก่อนการพิจารณา
ขณะที่ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมนั้นไม่ได้มีแผนอะไรเป็นพิเศษ โดยจะรอการประชุมตามแผนที่กองทัพบกนำเสนอ
นอกจาก นายอนุทิน แล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมยังประกอบด้วย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ, พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. และหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ
แม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด
ในวันเดียวกันกับการประชุม สมช. พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ลงพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว เพื่อ ติดตามสถานการณ์ในภาพรวม รวมถึงการ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เข้าสู่ช่วงตึงเครียด หลังฝ่ายความมั่นคงไทยประกาศเส้นตายให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่ต้องอพยพออกไป โดยกองกำลังบูรพาตรึงกำลังแน่น พร้อมปฏิบัติการทวงคืนพื้นที่อธิปไตยภายใต้กรอบข้อตกลงชายแดน
กองกำลังจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ภายใต้กองกำลังบูรพา ยังคงตรึงกำลังเข้มรอบพื้นที่ พร้อมจัดกำลังลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวกัมพูชาที่รุกล้ำ ขณะเดียวกันมีประชาชนชาวไทยจากหลายจังหวัดเดินทางเข้ามาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดิน
พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ได้เข้าตรวจแนวสแลนกั้นและประเมินสถานการณ์ภาคสนาม โดยเตรียมดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว พร้อมประสานแจ้งฝ่ายกัมพูชาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะโดยไม่จำเป็น ฝ่ายปกครองได้ติดตั้งป้ายประกาศ “พื้นที่ของประเทศไทย” และย้ำให้การดำเนินการเป็นไปตามคำยืนยันของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่าทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามข้อตกลงเดิมอย่างเคร่งครัด
บ้านหนองจาน ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านโจกเจย จังหวัดบันเตียเมียนเจย ฝั่งกัมพูชา โดยพบเพียงทหารกัมพูชาประจำการอยู่บางส่วน ส่วนฝั่งไทยมีการตรึงกำลังเต็มพื้นที่ ขณะที่บ้านหนองหญ้าแก้วเป็นจุดที่มีการรุกล้ำชัดเจนที่สุด พบชาวกัมพูชาราว 30–40 คนยังอยู่ในพื้นที่ และมีทหารกัมพูชาประจำใกล้หลักเขตแดนที่ 46
สถานการณ์ขณะนี้จึงเป็นมากกว่าการรักษาความสงบชายแดนทั่วไป แต่เป็น “การยืนยันอธิปไตยของไทย” อย่างชัดเจน ท่ามกลางความพยายามของทั้งสองประเทศในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งซ้ำรอยอดีต โดยทุกสายตายังคงจับจ้องท่าทีของกองกำลังบูรพาในช่วงหลังเส้นตายว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด


