กองทัพบกชี้กัมพูชาวางแผนล่วงหน้าจัดฉากยิงยั่วยุช่องอานม้า
กองทัพบกเผยเหตุยิงอาวุธใส่พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลฯ เป็นการวางแผนล่วงหน้า ทั้งยิงยั่วยุ–นัด IOT–แถลงบิดเบือน กล่าวหาฝ่ายไทย
KEY
POINTS
- กองทัพบกชี้ว่าเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชายิงเข้าสู่เขตไทยบริเวณช่องอานม้า เป็นการสร้างสถานการณ์ที่วางแผนไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่การปะทะเฉพาะหน้า
- ลำดับเหตุการณ์ที่กัมพูชาเริ่มยิงก่อน แล้วรีบแจ้งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่ และออกแถลงการณ์กล่าวหาไทยทันที บ่งชี้ถึงเจตนาจัดฉากอย่างเป็นระบบ
- เป้าหมายของการยั่วยุคือเพื่อสร้างภาพว่าไทยเป็นฝ่ายโจมตีและละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เพื่อใช้เป็นโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงสู่สังคมโลก
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 เกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายิงอาวุธหลายขนาดเข้าสู่เขตอธิปไตยไทย บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยกองทัพบกระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เพียงการปะทะเฉพาะหน้า แต่เป็น “การสร้างสถานการณ์” ที่มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ
Timeline เหตุการณ์ยิงยั่วยุ ช่องอานม้า (27 ก.ย. 68)
11.55 น.
ตรวจพบเสียงปืนครก (ค.) และปืนกลจากฝ่ายกัมพูชา บริเวณเนิน 677
12.00 น.
ตรวจพบเสียงยิงครกจากเนิน 677 ไปยังเนิน 600
11.55–12.07 น.
ฝ่ายกัมพูชายิงเครื่องยิงลูกระเบิด 40 มม. และปืนเล็กยาวใส่เนิน 600
12.10 น.
ฝ่ายกัมพูชายิงปืนกล 93 ใส่เนิน 527 (3 ชุด ชุดละ 5 นัด) ฝ่ายไทยยิงตอบโต้
12.16 น.
ฝ่ายกัมพูชายิงปืนเล็กยาวใส่เนิน 600 ฝ่ายไทยยิงตอบโต้
12.23–12.35 น.
ฝ่ายกัมพูชายิงปืนไม่ทราบชนิด 3 นัด และครก รวม 11 นัด จากพื้นที่ช่องอานม้า ไม่ทราบเป้าหมาย
13.00 น.
ฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่าจะมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) เดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้าในช่วงบ่าย
13.15 น.
พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชา แถลงบิดเบือนว่าไทยเป็นฝ่ายโจมตี พร้อมสมเด็จฯ ฮุน เซน โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กขยายผล
13.30 น.
พื้นที่ช่องอานม้าไม่ปรากฏการยิงเพิ่มเติม ทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังประจำแนว
โฆษกกองทัพบกชี้ว่า การประมวลเหตุการณ์สะท้อนถึงการประสานสอดคล้องผิดธรรมชาติ แสดงถึงเจตนาจัดฉากเพื่อสร้างภาพว่าไทยละเมิดหยุดยิง และเผยแพร่สู่สังคมโลกในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ พร้อมย้ำว่าประเด็นที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือ การลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศและขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ กองทัพบกขอให้คณะผู้สังเกตการณ์ IOT ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ไม่ใช่เลือกลงพื้นที่เฉพาะที่กัมพูชากำหนด เพื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดฉากบิดเบือนข้อเท็จจริงเช่นเหตุการณ์ครั้งนี้


