ภูมิธรรม ชี้ทหารไทย-กัมพูชาปะทะสนั่นเขาช่องบกแค่เข้าใจผิด

เมื่อเวลา 05.45 น. วันนี้ (28 พ.ค.) เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิมาโดยตลอด

ต่อมานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยที่ทำเนียบรัฐบาลถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เนื่องจากกำลังพลทั้งสองฝ่ายเข้าไปในพื้นที่อ้างสิทธิ์ในช่วงเวลากลางคืน ทำให้เกิดการปะทะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะเปิดฉากการรบ
 

นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นายทหารคนสนิทของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้สั่งการให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่แล้ว แต่สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการตรึงกำลังอยู่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุของการปะทะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งตามแนวชายแดน นายภูมิธรรม ชี้แจงว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการที่กัมพูชามีการตรึงและปรับกำลังในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยก็ต้องตรึงกำลังตามแนวชายแดนเช่นกัน และเมื่อมีการตรึงกำลังก็อาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่ยังสามารถพูดคุยกันได้ โดยระดับนโยบายไม่มีปัญหา แต่เชื่อว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการได้พูดคุยกัน สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวถึงประเด็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ว่า เมื่อต่างฝ่ายต่างถือว่าตนเองเป็นเจ้าของ แต่ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวจึงจำเป็นต้องมีการเจรจา แต่จะไม่มีการใช้ปฏิบัติการทางทหาร พร้อมย้ำว่าปัญหาชายแดนไม่ใช่เรื่องใหม่ และทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนกรณีที่มีคำถามว่าจะมีการปรับยุทธศาสตร์การดูแลชายแดนหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ยังไม่ได้มีการพิจารณาถึงขั้นนั้น โดยภารกิจหลักของทหารไทยคือการรักษาชายแดน ไม่เฉพาะชายแดนกัมพูชา แต่รวมถึงเมียนมา ลาว และมาเลเซีย ซึ่งปัญหาเขตแดนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องมีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการพูดคุยส่วนใหญ่คือการรักษาสันติภาพและหลีกเลี่ยงความรุนแรง

ในตอนท้าย นายภูมิธรรม กล่าวถึงความมั่นใจของประชาชนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขอให้รอฟังความชัดเจนของข้อเท็จจริงก่อน เนื่องจากหากมีการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้